Please use this identifier to cite or link to this item: https://dspace.rmutk.ac.th/jspui/handle/123456789/3928
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.authorไทยรัฐ
dc.date.accessioned2020-07-28T02:47:42Z
dc.date.available2020-07-28T02:47:42Z
dc.date.issued2563-06-25
dc.identifier.urihttp://dspace.rmutk.ac.th/handle/123456789/3928
dc.description.abstractการแพร่ระบาดไปทั่วโลกของ เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 "ศัตรูที่มองไม่เห็นของมวลมนุษยชาติ" นับเป็นมหันตภัยด้านเชื้อโรคครั้งร้ายแรงที่เกิดขึ้นอีกครั้ง มีผู้ติดเชื้อไวรัสนี้นับล้านคน เสียชีวิตกว่าครึ่งล้านภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว "เชื้อโรคอุบัติใหม่" ที่ร้ายแรงตัวนี้ ไม่เพียงแต่ส่งผลให้เกิดวิกฤติทางด้านสาธารณสุข ยังส่งผลให้เกิดวิกฤติต่อความมั่นคงของแต่ละประเทศที่มีการแพร่ระบาดเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจทางสังคมและการใช้ชีวิตของผู้คน การดำเนินธุรกิจต่างๆ ทั้งขนาดเล็กขนาดใหญ่หลายประเภทต้องเปลี่ยนแปลงไป โลกหยุดการเคลื่อนไหว นานาชาติต่างออกมาตรการจำกัดการเดินทางเชื่อมต่อระหว่างประเทศทางอากาศ จำกัดการพบปะของผู้คน มีการล็อกดาวน์ปิดประเทศ ปิดกั้นพรมแดน ไม่ให้ผู้คนไปมาหาสู่กันเฉกเช่นปกติ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ให้ลุกลามและคร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่านี้ "ประเทศไทย" เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีการแพร่ระบาดของ ไวรัสโควิด-19 มาตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 จนช่วง กลางเดือนมีนาคม มีผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มอย่างรวดเร็ว การระบาดมีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงเดือนเมษายน ส่งผลให้ชีวิตตามปกติของประชาชนเกิดความเปลี่ยนแปลง สถานที่สาธารณะ บริษัท ห้างร้าน ห้างสรรพสินค้า หรือธุรกิจต่างๆ เช่น ร้านอาหาร สถานบันเทิง ฯลฯ ที่มีความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ "โควิด-19" ได้รับคำสั่งจากรัฐบาลให้ปิดกิจการทั้งในกรุงเทพมหานครและในหลายจังหวัด รวมไปถึงให้ชะลอการเดินทางทั้งภายในประเทศ นอกประเทศ ผู้คนบางส่วนให้ทำงานที่บ้าน มีการเว้นระยะห่างทางสังคมตามมาตรการป้องกันเชื้อแพร่ระบาดของกระทรวงสาธารณสุข ธุรกิจมากมายหลายประเภทได้รับผลกระทบอย่างไม่ทันตั้งตัว หลายแห่งต้องปิดตัว เลิกจ้างงานทำให้มีผู้ตกงาน ไร้เงิน ไร้อาชีพอย่างกะทันหัน ชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน...!! ท่ามกลางวิกฤติดังกล่าว ในช่วงที่สถานการณ์ โควิด-19 เริ่มต้นระบาดอย่างหนัก โรงพยาบาลหลายแห่งขาดอุปกรณ์ รวมไปถึงแพทย์และพยาบาลก็ทำงานกันอย่างหนัก มีภาคเอกชนหลายแห่งที่ได้ส่งมอบความช่วยเหลือให้กับทุกภาคส่วนหนึ่งในนั้นคือ บริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ที่เร่งให้การช่วยเหลือพี่น้องชาวไทยที่ได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 โดยทันทีด้วยความห่วงใย เริ่มจากมอบเงินสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์แก่โรงพยาบาลหลักๆทั่วประเทศของรัฐ ที่ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 รวมทั้งหมด 26 แห่ง อาทิ โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (รพ.มอ.) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ฯลฯ ให้นำไปจัดซื้ออุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ที่ต้องทำงานใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ อาทิ ชุด PPE หน้ากากอนามัย รวมทั้งใช้ในการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างเร่งด่วนเพื่อช่วยในการรักษาชีวิตผู้ป่วย อาทิ เครื่องช่วยหายใจ อุปกรณ์ที่ใช้ในการคัดกรองผู้ป่วย ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ฯลฯ ทั้งยังดูแลเรื่องอาหารแก่ทีมแพทย์และเหล่าบุคลากรการแพทย์ ด้วยการนำ "อาหารพร้อมรับประทานจากร้านอาหารในเครือบริษัทข้าวรีทอร์ท อาหารแช่แข็ง พร้อมตู้แช่และน้ำดื่ม" ไปมอบให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ เป็นการดูแลอำนวยความสะดวกให้บุคลากรการแพทย์ทุกคนที่ปฏิบัติงาน ได้อิ่มท้องในแต่ละมื้อทุกวัน อีกทั้งยัง นำอาหารและน้ำดื่มเข้าไปเติมให้เต็มตู้อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน การช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องในลำดับต่อมาสำหรับอีกกลุ่มคนที่ บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด ไม่ทิ้งไว้ข้างหลัง เร่งเข้าไปสร้างงาน สร้างอาชีพให้เกิดเม็ดเงินเป็นรายได้แก่ประชาชนผ่านโครงการต่างๆ ของ "สิงห์อาสา" โดย มูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี ทั่วประเทศ ทั้งการช่วยเหลือระยะสั้นและระยะยาว โดยมี 3 โครงการเร่งด่วน ที่ดำเนินการเพื่อให้เกิดการจ้างงานทันที ผ่านการร่วมงานเป็นอาสาสมัครดูแลท้องถิ่นตนเอง นำร่องด้วยโครงการ "สิงห์อาสาสู้ไฟป่า" ที่ภาคเหนือ โดยจัดอบรมให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเรื่องไฟป่า การป้องกันไฟป่า การใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ในการดับไฟป่า รวมไปถึงการฝึกปฏิบัติการดับไฟป่า ตามด้วย โครงการ "สิงห์อาสาสู้ภัยแล้ง" ใน 22 จังหวัดภาคอีสาน ซึ่งเริ่มที่จังหวัดขอนแก่นเป็นที่แรก ด้วยการนำรถบรรทุกน้ำดื่มไปแจกชาวบ้านในพื้นที่แล้ง รวมทั้งติดตั้งแท็งก์น้ำดื่มขนาดใหญ่ในชุมชน และนำชาวบ้านในพื้นที่ร่วมกันขุดบ่อน้ำเพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ทำการเกษตรและใช้ในครัวเรือน และ โครงการ "สิงห์อาสาสู้น้ำท่วม" ในกลุ่มจังหวัดภาคกลาง จ้างงานชาวบ้านในชุมชนร่วมกันเป็นอาสาสมัครกำจัดผักตบชวาในลำคลองเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำ ป้องกันการเกิดน้ำท่วม โดยทั้ง 3 โครงการเป็นการจ้างงานผ่านรูปแบบการเป็นอาสาสมัครร่วมกันดูแลชุมชนและพื้นที่ของตัวเอง ที่ดำเนินการไปแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้เกิดการจ้างงานกว่า 3,000 ครัวเรือน ส่วนโครงการระยะยาว ช่วยเหลือด้านการสร้างรายได้และสร้างอาชีพเพื่อความยั่งยืนล่าสุด บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด จัดโครงการ "สิงห์อาสาอบรมสร้างอาชีพ" โดยได้ใช้ศักยภาพของบริษัทในเครือทั้งหมด ร่วมกับ เครือข่ายของสิงห์อาสาทุกภูมิภาคทั่วประเทศ อาทิ มหาวิทยาลัยสถาบันอาชีวศึกษา ศูนย์ภูมิปัญญาชาวบ้าน นำองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ในการสร้างอาชีพ เปิดคอร์สอบรมฟรี ให้ผู้ที่สนใจนำทักษะความรู้ที่ได้รับไปต่อยอดสร้างอาชีพเลี้ยงดูครอบครัว แบ่งเป็น 3 กลุ่มทักษะอาชีพ ได้แก่ การอบรมกลุ่มทักษะวิชาชีพทางด้านอาหาร ต่อยอดสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก กับ 3 หลักสูตร คือ 10 เมนูยอดนิยมอร่อยง่ายๆ หลักสูตรสร้างตัวกับเมนูอาหารดีลิเวอรี และหลักสูตรเครื่องดื่มร้อน-เย็นเต็มสูตร มีการ นำ 4 เชฟคนดัง ร่วมวางโครงการทั้งสามหลักสูตร ได้แก่ "เชฟชุมพล แจ้งไพร" เชฟรางวัลมิชลิน 2 ดาวจาก ร้าน R.HAAN "เชฟป้อม-ธนรักษ์ ชูโต" เชฟกะทะเหล็กอาหารจีน "เชฟบุ๊ค-บุญสมิทธิ์ พุกกะณะสุต" และ "เชฟปิ๊ก-สรมย์เวท ธีระพจน์" ครีเอทีฟเชฟจาก ร้าน EST.33 มาถ่ายทอดเคล็ดลับความอร่อย รวมทั้ง ทีมอาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ทีมอาจารย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, ทีม R&D จากร้าน Farm Design ทีมบาริสต้า จากสิงห์ปาร์ค เชียงราย หลังจากนี้ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด จะยังคงเดินหน้าจัด "โครงการสิงห์อาสาอบรมสร้างอาชีพ" ในกลุ่มทักษะวิชาชีพทางด้านงานช่าง และกลุ่มทักษะวิชาชีพทาง ด้านการเกษตร ตามนโยบายเร่งด่วนของบริษัท ในการสร้างรายได้ สร้างอาชีพแก่พี่น้องประชาชนเพื่อให้ทุกคนที่ได้รับผลกระทบผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่เกิดวิกฤติโควิด-19 บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ในฐานะภาคเอกชนได้ทุ่มเทสรรพกำลังทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณ หรือบุคลากรมาช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของเพื่อนร่วมชาติอย่างเต็มที่ รวมทั้งยืนยันการจ้างงานกับพนักงานทุกคนและคู่ค้าของบริษัททั้งหมดกว่า 25,000 คน คิดเป็นมูลค่าความช่วยเหลือรวมเป็นจำนวนเงินกว่า 200 ล้านบาท ทั้งนี้ การช่วยเหลือสังคมของ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ในด้านต่างๆ มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในทุกสถานการณ์ยามที่ประเทศมี ภัยพิบัติ ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้ง ภัยหนาว น้ำท่วมเกิดโรคระบาด หรือสถานการณ์ที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ไม่เคยละเลยที่จะเข้าไปช่วยเหลือมาโดยตลอด "ผมเชื่อว่าความแข็งแกร่งขององค์กรไม่ได้วัดจากความสำเร็จในเชิงธุรกิจเพียงมิติเดียว แต่ควรนับรวมถึงนโยบายการตอบแทนสังคมที่มั่นคงด้วย" สิ่งที่เราให้ความสำคัญมาตลอดระยะเวลากว่า 87 ปีของการดำเนินธุรกิจก็คือ "การตอบแทนสังคม" เป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาอย่างยาวนานและยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน การที่บุญรอดฯเป็นองค์กรขนาดใหญ่ นั่นหมายถึงเราเชื่อมโยงกับสังคมและคนจำนวนมาก เมื่อสังคมได้รับความเดือดร้อน บริษัทก็ควรจะมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือ โดยใช้ทรัพยากรที่เรามีอย่างเต็มที่ ถ้าอยากให้สังคมแข็งแรงเราทุกคนก็ควรจะช่วยกัน" จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด กล่าว การก้าวเข้ามาช่วยเหลือสังคมในทุกด้านของบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ไม่เพียงแต่จะก่อให้เกิดการขับะเคลื่อนของสังคมให้เติบโตดีงาม ยังแสดงให้เห็นถึงการเกื้อกูลกัน ที่เป็นพลังอันยิ่งใหญ่ของสังคมเป็นการ "ให้" และ "แบ่งปัน" ที่ไม่ได้หวังอะไรไปมากกว่าสิ่งตอบแทนคือ "รอยยิ้ม" และ "ความสุข" ของผู้รับ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด คือตัวอย่างขององค์กรไทย ที่มีเจตนารมณ์และปณิธานอันแน่วแน่ในการช่วยเหลือสังคมอย่างต่อเนื่องเสมอมา สิ่งเหล่านี้จึงทำให้บริษัทมีความแข็งแรง แข็งแกร่งและเจริญเติบโตก้าวหน้าอย่างยั่งยืน.en_US
dc.description.sponsorshiplibrary@mail.rmutk.ac.then_US
dc.language.isootheren_US
dc.publisherไทยรัฐen_US
dc.subjectมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ -- บริการวิชาการen_US
dc.subjectบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัดen_US
dc.subjectสิงห์อาสาสร้างอาชีพ
dc.titleบุญรอดฯ กับปณิธานแห่งการให้เคียงข้างคนไทยสู้"วิกฤติโควิด-19"en_US
dc.typeOtheren_US
Appears in Collections:ข่าวมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ



Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.