จุฬาฯ คว้าแชมป์ ออกแบบชุดหรู คอตตอนยูเอสเอ

Abstract

คอตตอนยูเอสเอ (COTTON USA) จัดงาน "คอตตอนเดย์ 2010" (Cotton Day 2010) พร้อมโชว์ผลงานแฟชั่นสุดหรูของ 5 ทีมสุดท้ายจากเวทีการแข่งขัน "คอตตอนยูเอสเอดีไซน์ชาเลนจ์ 2010" ที่ออกแบบและ สร้างสรรค์ชุดราตรีซึ่งทำจากผ้าฝ้าย 100% ในรูปแบบ "ready-to-wear couture" หรือชุดราตรีที่สามารถสวมใส่ออกงานได้จริง ภายใต้คอนเซ็ปต์ "US Cotton on the Red Carpet" โดยมี นางแบบมืออาชีพร่วมถ่ายทอดความสวยงามของชุดราตรีจากผ้าฝ้าย ไกรภพ แพ่งสภา ตัวแทนคอตตอนยูเอสเอ ประเทศไทย กล่าวว่า การจัดงาน "คอตตอนเดย์" ในปีนี้ เป็นการเปิดเวทีให้นักออกแบบรุ่นใหม่ได้แสดงพลังความสามารถและศักยภาพในการออกแบบและตัดเย็บชุดราตรีที่ทำจากผ้าฝ้าย 100% ที่ผลิตโดยโรงงานในไทย ทั้งนี้ ยังเปิดโอกาสให้ทีมผู้เข้าแข่งขัน 5 ทีมสุดท้ายได้จัดแสดงผลงานบนรันเวย์แฟชั่น โดยมีนางแบบมืออาชีพสวมใส่ชุด ทำให้นิสิตนักศึกษาได้เห็นเรียนรู้ สัมผัสและลงมือปฏิบัติจริง ผลิตชิ้นงานที่สมบูรณ์ สร้างความภาคภูมิใจที่ได้เห็นผลงานของตนเองได้จัดแสดงและเผยแพร่สู่สาธารณชน "ทั้ง 5 ทีมสุดท้ายจากการแข่งขันคอตตอนยูเอสเอดีไซน์ชาเลนจ์ 2010 สามารถถ่ายทอดความสวยงามและคุณสมบัติเด่นของผ้าฝ้ายที่สามารถนำมาตัดเย็บเป็นชุดราตรีได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งมีความสวยงาม โก้หรู สามารถนำไปใส่ได้ในชีวิตจริง ตอบโจทย์ทั้งแนวคิดด้านศิลปะแฟชั่นการตลาด และความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย" นายไกรภพกล่าว ทีมชนะเลิศเป็นของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งออกแบบผลงาน The New Age Warriors จะได้รับรางวัล "Once in a life time US Cotton Field Trip" ทริปเดินทางสู่ประเทศสหรัฐอเมริกา เยี่ยมชมกระบวนการปลูกฝ้าย พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในทีมแฟชั่นของนิตยสารแพรว เพื่อถ่ายภาพแฟชั่นนางแบบชั้นนำของประเทศไทยที่ส่วมใส่ชุดราตรีทั้งหมดของทีมชนะเลิศ รองชนะเลิศอันดับ 1 และรองชนะเลิศอันดับ 2 สำหรับตีพิมพ์ลงบนปกและในนิตยสารแพรว อาทิตย์ จันทรางศุ ตัวแทนของทีมชนะเลิศจากจุฬาฯ เล่าถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบผลงานและจุดเด่นของทีมที่สามารถพิชิตใจคณะกรรมการในครั้งนี้ว่า แรงบันดาลใจในการออกแบบชุดได้มาจากการผสมผสานกันระหว่างวัฒนธรรมของจีนและอินเดียที่มีความต่างกันอย่างสุดขั้ว และนำมาตัดทอนจนได้รายละเอียดของเสื้อผ้าที่ลงตัวที่สุด เพื่อให้ชุดราตรีออกมาเป็นลุคส์ผู้ หญิงสวยเท่ตามแบบฉบับนักรบโบราณ โดย มีจุดเด่นที่เทคนิคการตัดเย็บซึ่งใช้วิธีการตัดเย็บเสื้อผ้าโอ กูตูร์ แบบดั้งเดิมที่เรียกว่า "มูราจ" เป็นวิธีการตัดเย็บที่ประณีต ละเอียด และต้องใช้ความพิถีพิถันเป็นอย่างมาก เนื่องจากการตัดเย็บแบบนี้จะเป็นการตัดชุดให้เหมาะสมกับขนาดรูปร่างเฉพาะแต่ละบุคคลเท่านั้น "พวกเราขอขอบคุณคอตตอนยูเอสเอที่เปิดโอกาสให้พวกเราได้แสดงความสามารถและได้รับคำ แนะนำดีๆ จากผู้เชี่ยวชาญในวงการแฟชั่น" ด้านความคิดเห็นของคณะกรรมการที่มีต่อผลงานของผู้เข้า แข่งขัน ทิพวัลย์ นิลดานุ วงศ์ กรรมการผู้ จัดการ บริษัท บลูคอร์เนอร์ กล่าวว่า ผู้เข้าร่วมแต่ละทีมมีความพยายามที่จะนำเสนอผลงานให้ดีที่สุด โดยแต่ละทีมต่างนำคำแนะนำที่ได้จากคณะกรรมการไปพัฒนาและปรับปรุงแบบสเกตช์จนสามารถตัดเย็บออกมาเป็นชุดจริงได้อย่างสวยงาม สิ่งสำคัญที่อยากฝากสำหรับการเป็นดีไซเนอร์ที่ดีคือ การศึกษาหาข้อมูลและทำความเข้าใจกับเนื้อผ้าประเภทต่างๆ เพื่อให้การออกแบบและตัดเย็บสมบูรณ์แบบที่สุด แมน-กวี ลักษณะสกุลชัย สไตลิสต์จากนิตยสารแพรว กล่าวถึงผลงานของผู้เข้าประกวดว่า รู้สึกประทับใจในความพยายามของแต่ละทีมที่ใส่ใจในการเลือกเนื้อผ้าให้เข้ากับชุดที่ออกแบบ ซึ่งทำได้ดีและลงตัว ถือเป็นคุณสมบัติที่ดีไซเนอร์ทุกคนจะต้องทำความเข้าใจกับโจทย์การออกแบบเสื้อผ้าและพยายามตีโจทย์ให้แตก จากนั้นจึงค่อยมาดูภาพรวมของชุดก่อนที่จะพิจารณารายละเอียดปลีกย่อย และต้องไม่ลืมข้อจำกัดด้านเวลา เพราะสิ่งนี้จะเป็นตัวชี้วัดว่ามีคุณสมบัติพร้อมที่จะก้าวเป็นดีไซเนอร์มืออาชีพหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีทีมรองชนะเลิศอันดับ 1 รับเงินรางวัลมูลค่า 30,000 บาท และใบประกาศเกียรติคุณ ผลงานเป็นของทีมจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ (พระนครใต้) กับผลงานการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ "Holy Thread", รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 รับเงินรางวัลมูลค่า 20,000 บาท และใบประกาศเกียรติคุณ เป็นของทีมจากมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต กับผลงานการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ "God Fray Jungle Queen", รางวัลชมเชย (จำนวน 2 รางวัล) รับเงินรางวัลมูลค่า 10,000 บาท และใบประกาศเกียรติคุณ ได้แก่ ทีมจากมหาวิทยาลัยรังสิต กับผลงานการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ "Traces of Chinois Dynasties" และทีมจากสถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ กับผลงานการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ "Layers of Rebirth".