Please use this identifier to cite or link to this item:
https://dspace.rmutk.ac.th/jspui/handle/123456789/3712
Full metadata record
DC Field | Value | Language |
---|---|---|
dc.contributor.author | ไทยโพสต์ | |
dc.date.accessioned | 2020-02-03T02:41:32Z | |
dc.date.available | 2020-02-03T02:41:32Z | |
dc.date.issued | 2556-07-23 | |
dc.identifier.uri | http://dspace.rmutk.ac.th/handle/123456789/3712 | |
dc.identifier.uri | https://edu.iqnewsclip.com/newsservice.aspx | |
dc.description.abstract | มทร.กรุงเทพปรับตัวครั้งใหญ่ วางตำแหน่งเป็นผู้นำสถาบันผลิตบัณฑิตสายช่างของประเทศ ยกระดับไปถึงเป็นแหล่งป้อนแรงงานชั้นดีให้กับตลาดในอาเซียน เปิดสองวิชาใหม่ "กล้าคิดกล้าทำ" กระตุ้นเด็กให้มีความคิดสร้างสรรค์ เผยโลกเปลี่ยนไปแล้ว จะผลิตเด็กแบบเดิมๆ ไม่ได้ต่อไปอีก ต้องปรับตัวให้ทันเหตุการณ์ ดร.สาธิต พุทธชัยยงค์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ (มทร.กรุงเทพ) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน มทร.กรุงเทพรับนักศึกษาปีละประมาณ 4,000 คน แต่มีนักศึกษาที่จบจากสายสามัญสัดส่วนมากถึง 2 ใน 3 เปลี่ยนแปลงจากอดีตที่จะมีเด็กจบ ปวช.มากกว่า หรือ 2 ใน 3 และมีเพียงเด็ก ม.6 ที่มาเรียนเพียง 1 ส่วนเท่านั้น สะท้อนให้เห็นว่าค่านิยมของผู้ปกครองได้เปลี่ยนไป เห็นความสำคัญของสายอาชีพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เด็กที่จบจากสายสามัญและ ปวช.จะมีจุดอ่อน-จุดแข็งแตกต่างกัน เด็กสายสามัญมีจุดอ่อนด้านภาคปฏิบัติ แต่มีจุดแข็งด้านวิชาสามัญ ขณะที่เด็ก ปวช.จะมีทักษะด้านภาคปฏิบัติ แต่มีจุดอ่อนด้านวิชาการ ดังนั้นทาง มทร.กรุงเทพฯ จึงได้สร้างตึกสิรินทร เป็นอาคารศูนย์กลางปฏิบัติการรวม ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ และคณะคุรุศาสตร์อุตสาหกรรม ตลอดจนเป็นยังศูนย์รวมห้องปฏิบัติการสำหรับราย วิชาเรียนภาคปฏิบัติของนักศึกษาในคณะต่างๆ ที่ต้องใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือฝึกวิชาชีพเพื่อประกอบการเรียนการสอน "เด็กทั้งสองกลุ่มมีพื้นฐานแตกต่างกัน เราจึงมีคอร์สปรับพื้นฐานคนละแบบ เด็กสายสามัญจะต้อง ปรับเรื่องภาคปฏิบัติ ส่วนเด็ก ปวช.ต้องปรับเรื่องวิชาพื้นฐาน คณิตศาสตร์ เคมี ชีวะ ฟิสิกส์ เราได้ทำดิจิตอล เลิร์นนิง ลงทุนไป 34 ล้าน เพื่อให้เด็กกลุ่มนี้ได้นำไปศึกษาปรับพื้นฐานความรู้ที่เป็นจุดอ่อน ซึ่งอาคารสิรินทรที่เปิดใหม่จะเป็นศูนย์รวมอุปกรณ์เครื่องมือและสื่อการสอนสำหรับการเรียนภาคปฏิบัติ ที่มีความครบวงจรและมีความทันสมัยที่สุด" อธิการบดีกล่าว ดร.สาธิตกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม มทร.กรุงเทพพยายามมุ่งเดินหน้าไปสู่มหาวิทยาลัยความคิดสร้างสรรค์ โดยเปิด 2 หลักสูตรใหม่คือ "กล้าคิด และกล้าทำ" ขณะนี้เป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศ วิชานี้เป็นวิชาเลือกเสรี แต่ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากนักศึกษาดีมาก ปัจจุบันเปิดคอร์สสองวิชาเป็นเทอมที่สองแล้ว สำหรับทั้งสองหลักสูตรใช้เวลาเตรียมการ 3 ปี ที่สำคัญคือการเปลี่ยนความคิดของอาจารย์ผู้สอนให้มีความคิดสร้างสรรค์ ไม่ไปตีกรอบความคิดของตัวเอง และไม่ตีกรอบความคิดของเด็ก โดยอาจารย์ของ มทร.กรุงเทพ 600 คน จะต้องผ่านการอบรมอย่างเข้มข้นจากอาจารย์ต่างประเทศ เพื่อปูพรมความคิดใหม่ จากนั้นจะคัดกรองอาจารย์ที่ผ่านการคัดเลือกเหลือ 80 คน ที่จะเป็นอาจารย์ต้นแบบ สอนในวิชากล้าคิด และกล้าทำ สามารถไขว้การเรียนการสอนได้ | en_US |
dc.description.sponsorship | library.carit@mail.rmutk.ac.th | en_US |
dc.publisher | ไทยโพสต์ | en_US |
dc.subject | ไทยโพสต์ | en_US |
dc.subject | มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ | en_US |
dc.title | มทร.กรุงเทพพลิก'มือหนึ่ง'ผลิตช่างตั้งเป้าเป็นม.สร้างสรรค์/ป้อนแรงงานชั้นดีตลาดอาเซียน | en_US |
dc.type | Other | en_US |
Appears in Collections: | ข่าวมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
C-130723008082.pdf | 979.5 kB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.