'5 เมกะเทรนด์'โลกอนาคตการเรียนการสอนต้องตอบโจทย์

Abstract

เมื่อโลกมีการเปลี่ยนแปลง เทคโนโลยี เข้ามามีบทบาทในทุกช่วงเวลาชีวิตของผู้คน ไม่ว่าจะเป็น การใช้ชีวิตส่วนตัว หรือการทำงาน การติดต่อสื่อสาร ทุกอย่างล้วนพึ่งพาเทคโนโลยีทั้งสิ้น ซึ่งความเจริญที่เข้ามานั้น ล้วนก่อให้เกิด อาชีพมาแรงอย่างวิศวกรหุ่นยนต์ นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล นักพัฒนาแอพพลิเคชั่น นักพัฒนา ไมโครซิฟ นักชีวเคมี เป็นต้น ขณะเดียวกันก็มี อีกหลายอาชีพที่ต้องหมดบทบาทลง เพราะมีเจ้าหุ่นยนต์ หรือปัญญาประดิษฐ์ อย่าง AI เข้ามา แทนที่บทบาทของคน ทักษะงานใหม่ทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ ศ.คาร์ ยัน ทัม คณบดี School of Business and Management, Hong Kong University of Science and Technology (HKUST) กล่าวว่าคาดการณ์ พบว่า กว่า 85% ของงานที่จะเกิดขึ้นภายในปี 2030 ยังไม่สามารถระบุได้ว่า อาชีพ หรือตำแหน่งงานใหม่ ๆ ใดบ้าง หากแต่ทักษะของงานใหม่ในอนาคตจะต้องทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติต่าง ๆ และมีความชำนาญในด้านดิจิทัล รวมทั้ง เทคโนโลยีขั้นสูง ตรงนี้ทำให้ค่าตอบแทนแรงงานเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น ช่วงเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ งานอนาคต โดยเฉพาะอาชีพที่จะถูกทดแทนได้ง่ายสถาบันการศึกษาจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนหลักสูตร มุ่งคิดเชิงวิพากษ์ ความเอาใจใส่ดูแล และความคิดสร้างสรรค์ โดยต้องลงทุนกับครูผู้สอน เพื่ออัพเดตข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา IOT เติบโตแต่ไม่โตแบบก้าวกระโดด ดร.ชัชชัย หวังวิวัฒนา อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (มกค) กล่าวว่า ต้องบอกว่า รัฐบาลมีนโยบายไทยแลนด์ 4.0 คือการเคลื่อนที่ โดยระบบดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นดิจิทัล ระบบ IOT (internet of things) หรือที่เรียกว่าอินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมโยง ต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลง ซึ่งที่ผ่านมา IOT ในประเทศไทยมีการเจริญเติบโตแต่ว่าไม่เติบโตอย่างก้าวกระโดดมากนักถ้าเทียบกับต่างประเทศ เนื่องจากยังขาดบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถที่จะนำ IOT ไปใช้และเปลี่ยนแปลงธุรกิจเป็นดิจิทัลยังไง ซึ่งปี 2562 นี้ คิดว่าน่าจะมีความเปลี่ยนแปลงมากขึ้นในเรื่องของการใช้ IOT ในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการผลิตโดยนำไปอยู่ในเครื่องจักรต่างๆ หลังจากนั้นจะเคลื่อนไปสู่ในส่วนของฟาร์ม การเกษตร เกษตรกรรม ผลิตคนรุ่นใหม่นำเครื่องมือแก้ปัญหา ดร.ชัชชัย กล่าวต่อว่า IOT ถูกใช้มากด้านการผลิต แต่ปี 2019-2021 สัญญาณคลื่น เครือข่ายไร้สาย 5G จะเข้ามาในระบบ ซึ่งถ้า 5G เข้ามาเมื่อใดอุปกรณ์ IOT สามารถส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงมากกว่าเดิม และมีจำนวนมากได้ และจะส่งผลให้ BigData มีจำนวนข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น Ai ก็จะมีความซับซ้อนและฉลาดมากขึ้น เพราะไม่ใช่ขยายเรื่องการผลิตและการเกษตรแต่จะขยายในธุรกิจอื่นๆ ด้วย เช่น ธุรกิจทางด้านบริการ ธุรกิจต่างๆ จะเริ่มปรับตัวจากการขายสินค้าอย่างเดียวไปเป็นสินค้าและบริการ เป็นต้น "การศึกษาตอนนี้แทบไม่ตอบโจทย์แล้ว เพราะเวลาเรียนในหลักสูตรต้องเรียนเยอะ และเอาไป ใช้งานได้ลำบาก มีหลักสูตรใหม่เข้ามา ความรวดเร็ว ตรงนี้ มหาวิทยาลัยต้องมีการปรับตัว จัดการเรียน การสอนที่ตอบโจทย์เทรนด์ต่างๆ ของเทคโนโลยี อย่างหลักสูตรบัณฑิตพันธุ์ใหม่ เรียกว่าเป็นดิจิทัล เทคโนโลยีในคณะวิทยาศาสตร์ ที่ม.หอการค้าไทย เปิดอยู่ เป็นการสอนให้เด็กสร้างปัญหาก่อน จากนั้นนำเครื่องมือไปแก้ปัญหาตรงนั้นให้ได้" 'BigData'ข้อมูลทรัพย์สินในยุคดิจิทัล เอกก์ ภทรธนกุล อาจารย์ประจำภาควิชา การตลาด คณะบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าวว่าโลกขณะนี้ปฎิเสธเรื่องข้อมูลคงไม่ได้ เพราะมีข้อมูลจำนวนมากที่ต้องผ่านการ กลั่นกรอง จัดสรร รวบรวมหรือจัดทำระบบ วิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ทำให้อาชีพที่เกี่ยวข้องกับ การวิเคราะห์ จัดระบบข้อมูล อย่างนักวิทยาศาสตร์ ข้อมูลหรือนักศิลปินวิเคราะห์ข้อมูล และอนาคต ไม่ได้มีเฉพาะออนไลน์เท่านั้น ออฟไลน์ยังคงอยู่ เพราะคนเราต้องใช้ชีวิตทั้งอยู่ในโลกออนไลน์ และออฟไลน์ หรือการใช้ชีวิตประจำวัน ทุกคนต้อง เป็นผู้พัฒนาสินค้า แบรนด์ให้มีคุณค่าได้ ในโลกออนไลน์และออฟไลน์หรือโลกดิจิทัล โดยต้องทำหน้าที่ Digital Brand Editorได้ ซึ่งการจะทำให้แบรนด์เกิดคุณค่าได้ไม่ใช่ใส่เฉพาะลักษณะพิเศษ แต่ต้องเติมอารมณ์ ความรู้สึก ความคิด สร้างสรรค์ลงไปในแบรนด์เหล่านั้นด้วย AI เปลี่ยนโลกแต่แทนที่คนได้ไม่หมด อนาคตต้องยอมรับว่ามีเทคโนโลยี หรือที่เรียกกันว่าปัญญาประดิษฐ์ AI หุ่นยนต์เข้ามาทำหน้าที่แทนคน ซึ่งทุกอาชีพสามารถถูกแทนที่ได้หมดหากทำงานเป็นระบบ ซ้ำๆ แบบเดิมๆ แต่ถ้ามีทักษะดังต่อไปนี้ 1.ความคิดสร้างสรรค์ AI ไม่ได้มีความคิดสร้างสรรค์แบบที่คนมี 2.การใช้ประสาทสัมผัส อาชีพที่มีการใช้ประสาทสัมผัส รูป รส กลิ่น เสียง เช่น นักออกแบบกลิ่นหอม นักออกแบบเสียง คนเหล่านี้จะมีงานทำตลอด เพราะต่อให้หุ่นยนต์ AI มีข้อมูล ความรู้มากมาย แต่ไม่สามารถออกแบบกลิ่นหอมได้ถูกใจคนจริงๆ เป็นต้น 3.คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์ หรืออาชีพที่ต้องใช้อารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งทุกอาชีพต้องมีอารมณ์ความ รู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้องเช่นแพทย์ให้กำลังใจผู้ป่วย นักขายประกัน ขายของต้องเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของลูกค้า เพราะAI เน้นระบบ ใช้เหตุผล มากกว่าอารมณ์ และ 4.ความฉลาดทางสังคม หรือเสน่ห์ของคน หุ่นยนต์ AI ไม่ได้มีเสน่ห์ เป็นนักฟังที่ดีได้เท่ากับคน ทักษะเหล่านี้ AI จะไม่สามารถทำแทนได้ 'Blockchain'จุดแข็งความโปร่งใส อาณัติ ลีมัคเดช อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) กล่าวว่า จุดแข็งบล็อกเชน เมื่อข้อมูลถูกยอมรับบนระบบแล้วไม่สามารถแก้ไขได้ และมีกลไกในการตรวจสอบ เพื่อสร้าง ชุดข้อมูลใหม่ทำให้ยากในการสร้างข้อมูลเท็จ ฐานข้อมูลบล็อกเชนไม่ใช่เครื่องแม่ข่ายของหน่วยงานที่จัดการเลือกตั้งแต่อย่างใด ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุค 4.0 และกฎหมายในปัจจุบันหลายฉบับเอื้อให้มีการเลือกตั้ง แต่ยังไม่มีการพูดถึงระบบการเลือกตั้งที่โปร่งใส มั่นคง และมีค่าใช้จ่ายต่ำ ทำให้ยังเป็นปัญหาในการปฏิบัติตามกฎหมายอยู่ การใช้ระบบเลือกตั้งแบบกระจายบน บล็อกเชน จึงเป็นตัวเลือกหนึ่งในการตอบโจทย์เหล่านี้ "บล็อกเชน" จึงไม่ใช่เป็นเพียงการใช้เทคโนโลยี ที่เพิ่มช่องทางในการทำธุรกิจ แต่ยังช่วย กระจายความมั่งคั่ง สร้างความโปร่งใส มีความ น่าเชื่อถือ ตรวจสอบได้ โดยให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของและแบ่งปันข้อมูลได้อย่างง่ายดายขึ้น เทคโนโลยีต่างๆ มีความเปลี่ยนแปลงอย่าง รวดเร็วและกลายเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจแทบ ทั้งหมด ดังนั้นทุกคนต้องเริ่มปรับตัว เพราะว่า ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถไปแข่งกับตลาดโลกได้ หรือแม้แต่แข่งในประเทศก็ยังแทบจะไม่ได้ 'ทักษะงานใหม่ต้องทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติต่าง ๆ มีความชำนาญด้านดิจิทัล และเทคโนโลยีขั้นสูง'