ความพึงพอใจต่อการบริหารจัดการชุมชนสัมพันธ์บริเวณพื้นที่ตั้งโรงไฟฟ้า: กรณีศึกษาโรงไฟฟ้าในเขตนิคมอุตสาหกรรมหนองแค ตำบลโคกแย้ อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี

Abstract

การค้นคว้าอิสระครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ปัญหา อุปสรรค และระดับความพึงพอใจ ที่ใช้ในการบริหารจัดการชุมชนสัมพันธ์บริเวณพื้นที่ตั้งโรงไฟฟ้า: กรณีศึกษา โรงไฟฟ้าในเขตนิคมอุตสาหกรรมหนองแค ตำบลโคกแย้ อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ประชากรกลุ่มตัวอย่างที่ในการศึกษา 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มประชาชนที่อาศัยอยู่พื้นที่ตั้งโรงไฟฟ้า จำนวน 385 คน โดยทำการเก็บรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถามเกี่ยวกับความพึงพอใจต่อการบริหารจัดการชุมชนสัมพันธ์บริเวณพื้นที่ตั้งโรงไฟฟ้า: กรณีศึกษาโรงไฟฟ้าในเขตนิคมอุตสาหกรรมหนองแค ตำบลโคกแย้ อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี และกลุ่มผู้นำชุมชน ผู้บริหารท้องถิ่น และหัวหน้าหน่วยงานราชการผู้ปฏิบัติงานในเขตพื้นที่ตั้งโรงไฟฟ้า จำนวน 3 คน โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลจากแบบสัมภาษณ์ โดยใช้แนวทางการสนทนากลุ่ม (Focus Group) ในการวิเคราะห์ข้อมูลใช้การวิเคราะห์ทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ โดยสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษาพบว่าประชาชนผู้ตอบแบบสอบถามมีความพึงพอใจต่อการบริหารจัดการชุมชนสัมพันธ์บริเวณพื้นที่ตั้งโรงไฟฟ้า ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยด้านงบประมาณเป็นด้านที่มีความพึงพอใจมากที่สุด รองลงมาเป็นด้านการจัดการ ด้านการประชาสัมพันธ์ และด้านบุคลากรตามลำดับ ปัญหา อุปสรรคในการศึกษาความพึงพอใจต่อการบริหารจัดการชุมชนสัมพันธ์ ได้แก่ การติดต่อประสานงานเจ้าหน้าที่ชุมชนสัมพันธ์ ต้องประสานผ่านทางผู้นำชุมชนเท่านั้น การสนับสนุนงบประมาณมีความล่าช้า และการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับโรงไฟฟ้ายังไม่ทั่วถึง

The objectives of this research are to study the problems, obstacles, and level of satisfaction on the related community management in the area of the power station in Khok Yae, Nong Khae industrial estate, Saraburi. The population is divided into 2 groups: 385 people who live in the area of power station and 3 people from the leader of community, the local officer, and leader of government agencies that operate in the area of power station. The data collected from the first group was questionnaire about satisfaction on community management, and the data of the second group was collected from the focus group interview to analyze into qualitative and quantitative analysis. The statistic used in data analysis were frequency, percentage, mean, and standard deviation The result of the study was founded that the overall rate of people due to the questionnaire is high. The highest is the budget and then public relation and human resources respectively. The limitations are the coordination between local staff which needs to be only the leader of community, the delay of budget support, and the publicity about power station which is not thoroughly enough.