Please use this identifier to cite or link to this item:
https://dspace.rmutk.ac.th/jspui/handle/123456789/1489
Title: | การศึกษาประสิทธิภาพการตัดวัสดุเหล็กกล้าแม่พิมพ์ SKD 11 ด้วยลวดไฟฟ้า: รายงานการวิจัย |
Other Titles: | A Study of Performance in WEDM Processes on Tool Steel Material JIS -SKD 11 |
Authors: | กมลพงค์ แจ่มกมล พิชัย จันทร์มณี |
Keywords: | เหล็กกล้าแม่พิมพ์ การตัดโลหะ พารามิเตอร์ |
Issue Date: | 2555 |
Publisher: | มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ |
Abstract: | งานวิจัยเรื่องการศึกษาประสิทธิภาพการตัดวัสดุเหล็กกล้าแม่พิมพ์ SKD 11 ด้วยลวดไฟฟ้ ามีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา พารามิเตอร์ความต่างศักย์ไฟฟ้ าวงจรเปิ ด (Open Voltage) ปั จจัยประสิทธิภาพ (Duty Cycle) และความถี่ในการสปาร์ค (Frequency) ที่มีผลต่อประสิทธิภาพการท างานจาก โดยประเมินจากความเร็วในการตัด (Cutting speed) และความกว้างของรอยตัด (Kerf)ตลอดจนประเมินคุณภาพงานจากความลาดเอียงของผิววัสดุชิ้นงาน (Slope)ความหยาบผิวเฉลี่ย (Ra)และความหยาบผิวเฉลี่ยสิบจุด (Rz) ซึ่งจากการทดลอง พบว่าความเร็วในการตัด (Cutting Speed) ผกผันกบความหนาของวัสดุชิ้นงาน (วัสดุชิ้นงานมีความหนามากขึ้นความเร็วในการตัดจะลดลง)และส่งผลให้ความกว้างรอยตัดลดลงอยูในช่่วง 345 ถึง 362 ไมโครเมตร ขึ้นอยูก่ บระดับความหนาของวัสดุชิ้้นงาน อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อความลาดเอียงของพื้นผิววัสดุที่เพิม่ ขึ้นตามความเร็วในการตัด ซึ่งเมื่อความหนาของวัสดุชิ้นงานมากขึ้นจะส่งผลต่อความหยาบผิววัสดุชิ้นงานน้อยมากความต่างศักย์ไฟฟ้ าวงจรเปิด (Open Voltage) จากการทดลองพบวา ความเร็วในการตัดแปรผันตามความต่างศักย์ไฟฟ้ าวงจรเปิ ด และความกว้างรอยตัดผกผันกบัความต่างศักย์ไฟฟ้ าวงจรเปิ ดโดยมีความกว้างรอยตัดอยู่ในช่วง 347ถึง 352ไมโครเมตร ในส่วนของคุณภาพผิวงานทั้งความลาดเอียงและความหยาบผิวมีแนวโน้มเพิมขึ้น้นตามระดับความต่างศักย์ไฟฟ้ าวงจรเปิดปัจจัยประสิทธิภาพ (Duty Factor) เป็ นตัวแปรต้นที่เกิดจากการปรับความสัมพันธ์ระหว่างเวลาเปิ ด กับเวลาปิ ด จากาการทดลอง พบว่า ความเร็วในการตัดแปรผันตามระดับปัจจัยประสิทธิภาพระดับปัจจัยประสิทธิภาพที่ต ่าเหมาะส าหรับการตัดวัสดุบาง และระดับปัจจัยประสิทธิภาพที่สูงเหมาะส าหรับการตัดวัสดุชิ้นงานที่มีความหนา นอกจากนี้ระดับปัจจัยประสิทธิภาพที่เพิมขึ้้นยังส่งผลกระทบต่อความกว้างรอยตัด ความลาดเอียงของพื้นผิว ตลอดจนความหยาบผิววัสดุชิ้นงานมีแนวโน้มเพิม่ ขึ้นความถี่ (Frequency) ในการสปาร์คซึ่ งเป็ นตัวแปรต้นที่เกิดจากการปรับความสัมพันธ์ระหว่างเวลาเปิ ด กบเวลาปิดตัวจากการทดลองพบว่าความเร็วในการตัด ความกว้างรอยตัด ตลอดจนคุณภาพผิวงานในรูปของความลาดเอียง และความหยาบผิวแปรผกผันกบความถี่ของการสปาร์คดังกล่าวคือ เมื่อความถี่เพิ่มมากขึ้นจะส่งผลให้ความเร็วในการตัดและผลกระทบอื่นๆ ที่ท าการประเมินผลมีค่าลดลงทั้งนี้ความถี่ของการสปาร์คต ว่่าไม่เหมาะส าหรับการตัดวัสดุชิ้นงานที่บางเนื่องจากเกิดการขาดของเส้นลวดอิเล็กโตรดเช่นเดียวกนกั บพารามิเตอร์ปัจจัยประสิทธิภาพ |
URI: | http://dspace.rmutk.ac.th/handle/123456789/1489 http://tdc.thailis.or.th/tdc/browse.php?option=show&institute_code=50&bib=350&doc_type=0&TitleIndex=1 |
Appears in Collections: | งานวิจัย |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
324.Kamonpong_2012.pdf | 7.21 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.