Please use this identifier to cite or link to this item:
https://dspace.rmutk.ac.th/jspui/handle/123456789/3364
Title: | คอลัมน์ ร้อยเรื่องเล่า: สร้างโลกใหม่ด้วยสองมือ |
Authors: | มติชนสุดสัปดาห์ |
Keywords: | มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ -- นักศึกษา - สร้างพื้นที่สีเขียว บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) -- ปลูกป่า บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) -- ปลูกป่า |
Issue Date: | 30-Aug-2562 |
Publisher: | - |
Abstract: | สามทหาร 3taharn@gmail.com เมื่อพูดถึง "ภาวะโลกร้อน" หรือ Global Warming หลายคนอาจไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกตื่นกลัวเท่ากับภัยพิบัติ "สึนามิ" ที่คร่าชีวิตผู้คนกว่า 200,000 ชีวิต หรือปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่เราหวาดกลัวจนทำให้หน้ากากอนามัยขาดตลาด แต่ทว่าไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่เราจะ ตื่นกลัวเมื่อภัยพิบัติดังกล่าวคร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก ทั้งนี้อาจเป็นไปได้ว่ามนุษย์เผชิญกับปัญหาภาวะโลกร้อนมาเป็นเวลานานหลายปี จนอาจทำให้เรารู้สึกว่าปัญหาดังกล่าวกลายเป็นเรื่องธรรมดาและไม่ได้ ส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันของเรา แต่หารู้ไม่ว่าปัญหาภัยพิบัติที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นภัยจากน้ำและดินฟ้าอากาศ (Hydro - Meteorological) ทั้งพายุ น้ำท่วม และ ภัยแล้ง ภัยจากธรณีวิทยา (Geophysical) อาทิ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด และคลื่นสึนามิ ภัยจากเชื้อโรค (Biological) จำพวกโรคระบาดร้ายแรงต่างๆ ล้วนแล้วแต่เกิดจากภาวะสภาพอากาศผันผวนและธรรมชาติขาดความสมดุล ทั้งสิ้น เพราะชั้นบรรยากาศที่ร้อนขึ้นทำให้โลกมี การเปลี่ยนแปลงและเกิดหายนะทั่วทุกมุมโลก และ ที่น่ากลัวกว่านั้นคือหายนะดังกล่าวเกิดจากฝีมือมนุษย์เป็นผู้กระทำ ดังนั้นนานาชาติจึงได้มีการเซ็นสัญญาตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change : UNFCCC) และความตกลงปารีส (Paris Agreement) เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน และได้ข้อสรุปว่า "การปลูกต้นไม้" คือแนวทางการแก้ยปัญหาที่ดีที่สุด ยกตัวอย่างประเทศเอธิโอเปียดินแดนที่ "ร้อนที่สุด ในโลก" ประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ตั้งอยู่ในส่วนแหลมของทวีปแอฟริกา ภูมิประเทศรายล้อมไปด้วยทะเลทราย แห้งแล้ง อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปี 34 องศาเซลเซียส พื้นที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 130 เมตร มีประชากรมากเป็นอันดับสองของแอฟริกา แต่มีพื้นที่ป่าปกคลุมเพียงร้อยละ 14 พวกเขาต้องเผชิญกับอากาศ ที่ร้อนอบอ้าวที่ทวีความรุนแรงขึ้น จากการตัดไม้ทำลายป่า ส่งผลให้จำนวนป่าไม้ในประเทศลดลงเหลือเพียง ร้อยละ 4 จากร้อยละ 35 ภายในเวลาเพียง 100 ปี จากปัญหาที่เกิดขึ้นรัฐบาลจึงได้จัดโครงการ "มรดกสีเขียว" (Green Legacy) วัตถุประสงค์เพื่อได้ลดปัญหาโลกร้อนและเพิ่มพื้นที่สีเขียวในประเทศ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก สร้างสถิติปลูกต้นไม้ได้มากกว่า 350 ล้านต้น ภายในเวลาเพียง 12 ชั่วโมง และมีเป้าหมายปลูกเพิ่ม 4,000 ต้นภายในเดือนตุลาคม โครงการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจกันแก้ปัญหาโลกร้อนอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ประเทศออสเตรเลียแม้ว่ามีทรัพยากรป่าไม้มากเป็นอันดับ 7 ของโลก แต่ยังคงมีนโยบายให้ประชาชนร่วมมือกันปลูกป่า โดยตั้งเป้าปลูกต้นไม้เพิ่มถึง 1,000 ล้านต้น ภายในปี 2593 หรืออีก 31 ปีข้างหน้า รวมถึงหน่วยงานกำกับดูแลการก่อสร้างของกรุงโซล Seoul Metropolitan Government ประเทศเกาหลีใต้ ประกาศปลูกต้นไม้ในเมืองหลวงเพิ่มขึ้นอีก 15 ล้านต้น ภายในปี 2565 หลังเผชิญสถานการณ์ฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานอย่างหนัก สำหรับประเทศไทยด้วยพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเล็งเห็นถึงปัญหาโลกร้อน ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ จึงมีพระราชปณิธานอันแน่วแน่ ที่จะเป็นแบบอย่างให้ปวงชนชาวไทยได้เห็นถึงความสำคัญของการจัดการทรัพยากรป่าไม้ อันมีความเกี่ยวโยงไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากรแหล่งน้ำให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ดังเดิมไว้ให้มากที่สุด โดยเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จประพาสถ้ำจอมพล จังหวัดราชบุรี พร้อมด้วยสมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และพระบรมวงศานุวงศ์ ได้ทรงปลูกต้นสัก ครั้งที่เสด็จไปยัง จังหวัดลำปาง ทรงปลูกต้นปีบ ณ สวนป่าทุ่งเกวียน ครั้งที่เสด็จไปจังหวัดนราธิวาสทรงปลูกต้นพิกุล รวมถึงในรั้วมหาวิทยาลัยพระองค์ทรงปลูกต้นจามจุรี จณ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ากพระราชปณิธานของพระองค์ และความ งอกงามของต้นไม้ที่ทรงปลูก ก่อเกิดเป็นโครงการพัฒนาและบำรุงป่าไม้ทั่วประเทศตามมาเป็นจำนวนมาก หน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมทั้งสถานศึกษาทั่วประเทศได้เกิดการตื่นตัวกับปัญหาโลกร้อน ที่เกิดขึ้น จึงได้มีการรณรงค์และจัดกิจกรรมปลูกป่าตั้งแต่ระดับชุมชนท้องถิ่นจนถึงระดับประเทศ ส่งผลให้ปัจจุบันเกิดกิจกรรมจิตอาสาปลูกป่าจำนวนมากเพื่อสานต่อ พระราชปณิธานของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ในการแก้ไขปัญหาโลกร้อนและสร้างจิตสำนึกหวงแหนธรรมชาติ ทั้งนี้ องค์กรต่างๆ อาทิ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย (กฟผ.) จัดกิจกรรมจิตอาสาปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติฯ โดยร่วมกับชุมชนบ้านนางิ้ว - นาโพธิ์ อำเภอเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่น เพื่อแสดงถึง ความจงรักภักดีและร่วมใจกันฟื้นฟูป่าชุมชนที่เสื่อมโทรมให้เป็นป่าชุมชนที่อุดมสมบูรณ์ ตลอดจนเป็นการสร้างส่วนร่วมในการดูแลสังคมชุมชนและสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น ซึ่งพื้นที่ป่าชุมชนแห่งนี้ถือเป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดผืนหนึ่งในจำนวนกว่า 30 ผืนป่าของจังหวัดนขอนแก่น นอกจากนี้ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ได้จัดกิจกรรม "เฉลิมราชย์ราชา จิตอาสา รักษ์น้ำ" เพื่อให้จิตอาสาและพนักงานร่วมกันปลูกต้นหญ้าทะเลและป่าโกงกาง ในพื้นที่ชุมชนบ้านมดตะนอย ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง รวม 15 ไร่ เพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ เกิดภัยแล้งอย่างรุนแรง และอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่สนองพระราชปณิธานด้าน การจัดการทรัพยากรป่าไม้ของในหลวงรัชกาลที่ 9 พร้อมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งทรงดำรงพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมงกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินปลูกต้นประดู่ป่า ต้นที่ 100 ล้าน ใน โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ ของ ปตท. ณ แปลงปลูกป่า FPT 49 (Forest Plantation Target 49) ตำบลลำนางแก้ว อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา จากวันนั้นจนถึงวันนี้ต้นประดูป่า ต้นที่ 100 ล้าน เจริญงอกงาม แผ่กิ่งก้านสาขา สร้างความร่มเย็น และจิตสำนึกรักษ์ผืนป่าไปทั่วพื้นที่ และเพื่อปลูกป่าในใจคนอย่างแท้จริง จึงเกิดเป็น โครงการ "40 ปี ปตท. PLANT TOGETHER" โดยมี 5 มหาวิทยาลัยชั้นนำของไทยเข้าร่วม ได้แก่ สถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มหาวิทยาลัยรังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ เพื่อให้เยาวชนในระดับอุดมศึกษาได้มีส่วนร่วมในการสร้างพื้นที่สีเขียว และสร้างแรงบันดาลใจรวมถึงเป็นแบบอย่างที่ดี แให้ประชาชนได้นำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ทุกๆ กิจกรรมจะประสบความสำเร็จไม่ได้ หากขาดความร่วมมือที่ดีจากทุกคน การเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนแปลงทัศนคติให้รักษ์ธรรมชาติ จึงเป็น สิ่งแรกที่จะนำไปสู่พฤติกรรมรู้รักษ์พื้นที่สีเขียว และที่สำคัญเราตระหนักว่าการฟื้นฟูโลกไม่ได้เป็นหน้าที่ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือ องค์กรใตองค์กรหนึ่งเพียงเท่านั้น แต่เราทุกคนควรร่วมือช่วยฟื้นฟูธรรมชาติเพื่อให้โลกกลับมาสมดุลและน่าอยู่อีกครั้ง เพื่อลูกหลานของเราในวันข้างหน้า |
URI: | http://dspace.rmutk.ac.th/handle/123456789/3364 |
Appears in Collections: | ข่าวมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
ร้อยเรื่องเล่า สามทหาร สร้างโลกใหม่ด้วยสองมือ.pdf | 1.03 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.