Please use this identifier to cite or link to this item: https://dspace.rmutk.ac.th/jspui/handle/123456789/3276
Title: 'พิศดารกำจัดศัตรูพืช' ความเชื่อสู่ความเสี่ยง
Authors: ปวีณา, ชูรัตน์
กิตติทัศน์, เรืองพัชรวงศ์
Keywords: กรุงเทพธุรกิจ
การศึกษา
Issue Date: 8-Jan-2562
Publisher: กรุงเทพธุรกิจ
Abstract: "เอายาฆ่าหญ้าแบบออกฤทธิ์เผาไหม้ทันที ดินประสิว เกลือ สารจับใบ ต้มรวมกันกับน้ำเปล่า ทำให้ได้ปริมาณยาพ่นกำจัดศัตรูพืชเยอะขึ้น 3 เท่า ลดต้นทุนไปเยอะ แต่ประสิทธิภาพยังดีเหมือนเดิม" องุ่น จรัดดี เกษตรกรผู้ปลูกฝรั่งวัย 54 ปี ชาวเพชรบุรี เผยสูตรที่ได้มาจาก พี่เขยซึ่งเปิดร้านขายสารเคมีทาง การเกษตรเมื่อนานมาแล้ว เธอบอกอีกว่า ยังมีสูตรแบบอื่นๆ อีกที่บรรดาร้านขายสารเคมีการเกษตรแนะนำ ซึ่งเธอได้ลองผิดลองถูกจาก การใช้เองโดยที่ไม่เคยมีหน่วยงานภาครัฐมาแนะนำ ไม่ต่างจากเกษตรกรผู้ปลูกถั่วฝักยาวและคะน้ารายหนึ่ง ใน อ.ท่ายาง จังหวัดเดียวกัน ไม่ลืมที่จะผสมซักฟอกและเกลือลงไปในยาฆ่าหญ้าไกลโฟเสต เพราะเชื่อว่า ทำให้หญ้าตายดีกว่าเดิม "ปกติมันไหม้แค่ยอด ถ้าผสม พวกนี้ลงไปในยาด้วยมันจะตายทั้งต้น แมลงก็ตายด้วย ไม่ต้องซื้อสารเคมี ตัวอื่นอีก ประหยัดไปได้เยอะ" เขายอมรับถึงการดัดแปลงสูตรนี้ ขึ้นมาเอง แม้จะทราบว่า อาจเกิดอันตราย แต่จำต้องใช้เพราะแปลงข้างๆ ยังใช้อยู่ หากเลิกใช้จะทำให้แมลงเหล่านั้นหนีมารุมกินพืชที่แปลงของเขาจนพืชผลไม่สวย ขายได้ราคาไม่ดี เอกสารการใช้สารเคมีอย่างถูกต้อง กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตร และสหกรณ์ ระบุว่า โดยทั่วไป สารกำจัดศัตรูพืชที่ผสมกันได้จะมีจำหน่ายสำเร็จรูป สามารถอ่านได้จากฉลากที่ติดอยู่บนภาชนะบรรจุสาร โดยมีรายละเอียดของสารออกฤทธิ์แต่ละชนิด และสารไม่ออกฤทธิ์ เอกสารดังกล่าวยังย้ำว่า เกษตรกรหรือผู้ใช้ ไม่จำเป็นต้องผสมสารกำจัดศัตรูพืชด้วยตนเอง เพราะนอกจากจะ สิ้นเปลืองแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดโทษทั้งทางตรงและทางอ้อม และในการใช้สารกำจัดศัตรูพืช ควรคำนึงว่า ควรใช้ปริมาณน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ให้เกิดผลดีที่สุด แต่ข้อมูลเหล่านี้ ก็ดูเหมือนจะไม่ไป ถึงเกษตรกร กลับกัน สูตรนานาชนิดที่ พวกเขาคิดค้นขึ้นมาเองซึ่งเชื่อว่าจะใช้ได้ผลทั้งผสมและไม่ผสมกับสารเคมี กลับถูกบอกต่อกันแพร่หลายทางกลุ่มในสื่อสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ก อย่าง นิมิต อ่วมแสง เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ชาวเพชรบุรี ก็ได้สูตรผสมน้ำยาปรับผ้านุ่มเข้ากับน้ำมันพืชเพื่อฉีดไล่หนอนในนาข้าวมาจากกลุ่มของพวกเขาในเฟซบุ๊คเช่นกัน ประเด็นการใช้สารเคมีทาง การเกษตรอย่างไม่ถูกต้อง สำราญ พ่วงสกุล ผู้เชี่ยวชาญเกษตรชำนาญการหรือสารวัตรเกษตร กรมวิชาการเกษตร จ.เพชรบุรี บอกว่า มีเกษตรกรบางรายในพื้นที่ทำแบบนั้นจริง ทั้งที่การใช้สารเคมีในปริมาณตามที่ระบุในฉลากข้างภาชนะบรรจุสารนั้น เพียงพอที่จะทำให้ยา ออกฤทธิ์อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว "ถ้าวัชพืชไม่ตายแสดงว่า เกิดจากการดื้อยาเพราะใช้สารเคมีเกินขนาดตั้งแต่แรก" แต่การจะแก้ไขในเรื่องนี้นั้น เขาบอกว่า เป็นไปได้ยาก เพราะมีรถเร่ขายสารเคมีบุกเข้าไปถึงไร่ ตกลงปากเปล่าแล้วส่งของกันภายหลัง ทำให้เจ้าหน้าที่ควบคุมการใช้สารเคมีของเกษตรกรได้ยาก มีคำเตือนจาก รังสิต สุวรรณมรรคา ผู้ทรงคุณวุฒิสถาบันวิจัยและพัฒนาแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถึงสารพัดสูตรสุดอันตรายเหล่านี้ว่า การผสมสารเคมีขึ้นมาเองโดยไม่ผ่านการรับรอง ทางวิชาการสุ่มเสี่ยงจะทำให้เกิดพิษ และหากใช้ความร้อนต้มก็อาจเกิดอุบัติเหตุได้ เขาเห็นว่า หน่วยงานราชการต้องส่งเสริมความรู้เกษตรกรในเรื่องนี้ หากดัดแปลงสูตรขึ้นมาเอง ก็ต้องจดบันทึกและนำไปให้เกษตรอำเภอวิจัยตรวจพิสูจน์ก่อนจึงจะสามารถนำมาใช้ได้ ขณะที่ จรรยา มณีโชติ ผู้เชี่ยวชาญด้านวัชพืช กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ย้ำว่า การผสม สารเคมีขึ้นมาเองของเกษตรกรไม่ได้ช่วยทำให้ประสิทธิภาพของยาเหล่านั้นดีขึ้น อย่างการใส่เกลือผสมยาฆ่าหญ้าก็จะยิ่งทำให้ดินเค็มดินเสีย ปลูกพืชขึ้นยาก ไปอีก "ความรู้ที่ผิดจากการบอกต่อ เกิดจากร้านขายยาที่บอกสูตรมาดูราว กับจะเห็นใจเกษตรกร แต่ความจริงคือ ต้องการขายส่วนผสม เช่นตัวสารเคมีฆ่าหญ้าเอง สารจับใบ หรือส่วนผสมต่างๆ และเขาก็ขายของได้กำไรจากการบอกสูตรและขายวัตถุดิบ" ผู้เชี่ยวชาญด้านวัชพืช บอกอีกว่า ขณะนี้กระทรวงฯ มีนโยบายที่เน้นการทำเกษตรแบบการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (จีเอพี) และโครงการผลักดันเกษตรกรรุ่นใหม่เข้ามาทำเกษตรอย่างมีองค์ความรู้ และสามารถเผยแพร่ความรู้สู่เกษตรกรใกล้เคียงได้ และยังมีศูนย์เรียนรู้ในทุกจังหวัดเพื่อให้ความรู้กับเกษตรกร เพื่อไม่ให้ความเชื่ออาจกลายเป็นความเสี่ยงต่อทั้งคนกินและคนปลูก นานาทัศนะ 'กำแพง' เกษตรอินทรีย์เมืองเพชรฯ ระพี ช้างนะ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวและผัก อ.เมือง ผมปลูกข้าว 30 ไร่ พยายามจะหยุดใช้สารเคมีแต่ไม่สามารถหยุดใช้ยาฆ่าแมลงได้ เพราะหากไม่ใช้ก็จะทำให้แมลงจากนาข้างๆ เข้ามารุมที่นาของผม เคยคิดที่จะรวมกลุ่มเพื่อนๆ ทำเกษตรอินทรีย์ แต่พอรวมตัวกันได้ ก็มีพ่อค้าคนกลางก็เข้ามาเล่นงาน มีผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หรือผู้ช่วยของเขาที่ เชื่อว่า น่าจะเป็นสายให้กับพ่อค้าปุ๋ยเข้ามาด้วย พวกเขาขี่รถมา หน้าบ้านเรา เข้ามาเลียบๆ เคียงๆ ถามว่า เปลี่ยนมาทำไอ้พวกนี้ทำไม แบบเดิมๆ ที่ทำกันมาก็ดีอยู่แล้ว ซึ่งเป็นการกดดันไม่ให้เรา ทำอินทรีย์ต่อนั่นเอง เหมือนกับว่ายอดขายของเขาตก เราไปขัด ผลประโยชน์ของเขาไม่ได้เลย อย่างไรก็ตาม มีอีก 3 ไร่ 1 งาน ที่ปลูกผักอินทรีย์ ประกอบด้วย ข่า ใบกะเพรา ดาวเรือง กล้วย มะละกอ ตะไคร้หัวนา ใช้สารอินทรีย์อย่างเถ้าแกลบ ฮอร์โมนไข่ สังเคราะห์แสง ในการดูแล ซึ่งสามารถไปได้ดี เพราะมีลูกค้าผู้ภักดี โดยทุกคนวิ่งมาซื้อผักปลอดสารที่บ้านผมด้วยตนเอง บัณฑิต นิลสุข เกษตรกรผู้ปลูกข้าว อ.บ้านลาด เกษตรอินทรีย์ทำยาก ต้องใช้ปุ๋ยอินทรีย์ฉีดเพื่อกำจัดศัตรูพืช 5 ครั้งต่อสัปดาห์ และต้องดูแลพืชอย่างใกล้ชิด เทียบกับฉีดสารเคมี 1 ครั้ง อยู่ได้ 1 สัปดาห์ ผมไม่ชอบจู้จี้จุกจิก ยืดเยื้อ อยากจะฉีดก็ฉีดเลย มีเพื่อนทำเกษตรอินทรีย์เห็นเขาต้องคอยมาดูว่า มีเพลี้ย ไร ขึ้นหรือไม่ เดินดูอยู่ตลอดทุกวัน ดูแล้วยุ่งยาก คนทำเกษตรอินทรีย์ต้องใจเย็น ทำไปเรื่อยๆ ผมเป็นคนใจร้อนซึ่งชินกับการใช้สารเคมี ไปแล้ว สมศักดิ์ สิทธิโชคธรรม เจ้าของสวนเพชรริเวอร์วิวรีสอร์ท อ.ท่ายาง ไร่ของผมผ่านมาตรฐานการรับรองเกษตรอินทรีย์ (ออร์แกนิค ไทยแลนด์) เจ้าเดียวในเพชรบุรี เพราะพื้นที่ไร่มีลักษณะเป็นเกาะ มีแม่น้ำเพชรบุรีล้อมรอบ รอบแปลงยังไม่มีแปลงเกษตรแปลงอื่นเพราะมีบ่อทรายล้อมไว้ ส่วนสาเหตุที่เกษตรกรส่วนมากยังใช้ สารเคมีอยู่ คิดว่าเป็นเพราะได้ผลผลิตน้อยกว่าไม่ใช้สารเคมี และเมื่อต้องจ้างแรงงานเยอะมาดูแลพืชอย่างประคบประหงม ก็มีต้นทุนเพิ่ม นอกจากนี้ การขอใบรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์อาจจะ ยุ่งยากสำหรับเขา เพราะมีขั้นตอนตรวจสอบ 1 ปี 8 เดือน และ ใบรับรองหมดอายุปีต่อปี นอกจากนี้ ยังหาตลาดยาก ซึ่งสำหรับผม ไม่ได้ทำขายในตลาด แต่ทำบริโภคเองและขายให้ ลูกค้าที่มาพักในรีสอร์ท ผักกรูดที่ขายตามท้องตลาด กิโลกรัมละ 30-40 บาท ผมขายกำละ 50 บาท กำหนึ่งมี 2-3 ขีด หรือเมื่อนำมาผัดผัก 1 กำ ต่อ 1 จาน ขายได้ 120 บาท ซึ่งที่ลูกค้ายอมจ่ายเพราะพวกเขาเชื่อมั่น สุธี มีมาก ผู้ตรวจมาตรฐานออร์แกนิค ไทยแลนด์ จ.เพชรบุรี มีคนผ่านการรับรองเพียง 1 ราย อีก 15 รายยังไม่ผ่าน และ ไม่น่าจะผ่านเพราะสภาพแวดล้อมการปลูกยังไม่ได้ตามหลักเกณฑ์ ได้แก่ เป็นพื้นที่ที่ไม่เคยทำเกษตรเคมีไม่น้อยว่า 3 ปี เป็นพื้นที่ โล่งแจ้ง อยู่ห่างจากโรงงานอุตสาหกรรม อยู่ห่างจากแหล่งที่ใช้ สารเคมีและปุ๋ยเคมี อยู่ห่างจากถนนหลวงหลัก และมีแหล่งน้ำ ที่ปลอดสารพิษ บางคนตรวจไปแล้ว 2 ครั้ง ถ้าครั้งที่ 3 ตรวจไม่ผ่าน ก็ต้องยกเลิกโดยอัตโนมัติ เหตุที่มันยาก เพราะไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อทำให้คนค้าขายได้ แต่เพื่อรับรองผลิตภัณฑ์ที่จะทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ หมายเหตุ : ผลงานนักศึกษาคณะไอซีที ม.ศิลปากร เอกสื่อสารมวลชนเน้นข่าวและสารคดี รุ่น 11
Description: library.carit@mail.rmutk.ac.th
URI: http://dspace.rmutk.ac.th/handle/123456789/3276
http://edu.iqnewsclip.com/newsservice.aspx
Appears in Collections:ข่าวการศึกษา

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
C-190108011089.pdf1.61 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.