Please use this identifier to cite or link to this item:
https://dspace.rmutk.ac.th/jspui/handle/123456789/3222
Title: | 'Pre-degree' รามคำแหงตอบโจทย์การศึกษายุคดิจิทัล ? |
Authors: | หทัยรัตน์, ดีประเสริฐ |
Keywords: | กรุงเทพธุรกิจ การศึกษา |
Issue Date: | 3-Jan-2562 |
Publisher: | กรุงเทพธุรกิจ |
Abstract: | หลักสูตร Pre-degree ของมหาวิทยาลัยรามคำแหงริเริ่มมาแล้วหลายปี ที่เปิด โอกาสให้นักเรียนที่เรียนอยู่ชั้น ม.ปลาย หรือ ปวช., ปวส. และ กศน.สามารถลงทะเบียนเรียนปริญญาตรีล่วงหน้าได้ จากนั้นเมื่อจบการศึกษาชั้น ม.6 จึงจะสมัครเป็นนักศึกษาภาคปกติ โดย เทียบโอนหน่วยกิตที่สะสมไว้เพื่อเรียนต่อจนครบตามหลักสูตรและสำเร็จการศึกษาได้ในระยะเวลาที่เร็วขึ้น ถือเป็น การเรียนตามใจผู้เรียนในยุคดิจิทัล กรุงเทพธุรกิจ ผศ.วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญ ทรัพย์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยรามคำแหงกล่าวว่า หลักสูตร Pre-degree เชื่อว่าเด็กคนใดที่มีศักยภาพเรียนวิชาในระดับปริญญาตรี ก็สามารถที่จะมาลงทะเบียนเรียนได้ ข้อดีของระบบทำให้เด็กที่มีศักยภาพและอยากจะเรียนมีโอกาสได้เรียนอย่างเต็มที่ และหลักสูตรนี้ยังช่วยเสริมในการเรียนระดับชั้น ม.ปลายของเด็กด้วย เนื่องจากเนื้อหาจะกว้างกว่าในหลักสูตรชั้น ม.ปลาย ทำให้เด็กเปิดโลกวิชาการ มีความรู้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังทำให้สำเร็จการศึกษาได้เร็วขึ้น โดยใช้เวลา หลังจากเรียนจบ ม.6 เพียงไม่นาน ไม่ถึง 4 ปี ตามเกณฑ์การเรียนอุดมศึกษาปกติ "มหาวิทยาลัยรามคำแหงเป็นตลาดวิชา เราเปิดกว้างให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ตามใจที่พวกเขาต้องการโดยไม่มีการปิดกั้น ถือเป็นการเรียนรู้ที่สอดคล้องในยุคดิจิทัลนี้อย่างลงตัวโดยอัตโนมัติ ซึ่งการเรียนรู้ในโลกหน้าผู้เรียนต้องการเรียนรู้ในสิ่งที่พวกเขาสนใจเฉพาะด้าน และบางคนยังต้องการทำงานด้วยโดยที่ไม่ได้สนใจปริญญา และหากต้องการที่จะเรียนก็สามารถเรียนเพิ่มได้ หรือทดลองเรียนก่อนในขณะที่ยังไม่สำเร็จการศึกษา ม.ปลายก็ยังได้ ต้องยอมรับว่าในอนาคตผู้เรียนจะลดน้อยลง ซึ่งสถาบันการศึกษาต่างๆ ต้องปรับตัวให้ทันกับโลกของการเรียนรู้ที่เปลี่ยนไป" ซึ่งการเริ่มเรียนปริญญาตรีในขณะที่ ยังไม่จบชั้น ม.ปลาย กับหลักสูตร Pre-degree นั้นจะเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่อยากรู้ว่าในมหาวิทยาลัยมีหลักสูตรอะไรบ้างที่เปิดสอน และการเรียนการสอนเป็นแบบไหน เนื้อหาหลักสูตรเป็นอย่างไร สามารถทดลอง เรียนและซื้อหนังสือมาอ่านก่อนได้ ถ้าชอบหลังจากเรียนจบชั้น ม.ปลายก็สมัครเรียนต่อ หรือเรียนควบคู่ในหลักสูตรอื่นๆ ได้อีก มีหลักสูตรที่เปิดสอนในระบบ Predegree หลายคณะ เป็นต้นว่าคณะนิติศาสตร์ บริหารธุรกิจ มนุษยศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สื่อสารมวลชน สามารถเรียนจากห้องเรียนที่มหาวิทยาลัย หรือตำราอิเล็กทรอนิกส์ (e-Book) ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ (www.lib.ru.ac.th) ระบบบรรยายสดผ่านอินเทอร์เน็ต (Cyber Classroom) เรียนด้วยระบบ E-Learning เรียนด้วยระบบ Coures On Demand เรียนจาก DVD บันทึกคำบรรยายกระบวนวิชา การให้คะแนนส่วนใหญ่จะใช้เป็นคะแนนสอบ 100% โดยแบ่งเป็นเกรดเหมือนกับมหาวิทยาลัยทั่วไป แต่ในบางรายวิชาก็อาจจะมีการมอบหมายงานจากอาจารย์ผู้สอนให้ไป ทำงานมาส่ง เพื่อทำการเก็บคะแนนจากงานอีกด้วย เนื่องจากคนที่สมัครเรียนสามารถเลือกได้ว่าจะเข้ามาเรียนหรือไม่เข้ามาเรียนก็ได้ แต่ต้องเข้ามาสอบให้ครบทุกวิชา อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง อธิบายว่าผู้เรียนที่สามารถเรียนจบปริญญาตรีเมื่ออายุยังน้อย จะทำให้มีทางเลือกอีกมากมายในการศึกษาต่อ หรือเลือกที่จะประกอบอาชีพก็ได้ ช่วยเสริมการเรียนในระดับ ม.ปลายให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยให้รู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ทำให้สามารถพัฒนาตัวเองได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งการเรียนแบบออนไลน์ทำให้มีอิสระในการเรียนรู้มากยิ่งขึ้น เพราะสามารถที่จะย้อนฟังวิชาที่อาจารย์สอนซ้ำได้ "ปรัชญาของเราคือตลาดวิชาที่ทุกคนสามารถเลือกเรียนได้ ไม่ได้บังคับให้เข้าเรียน ผู้เรียนจะอ่านหนังสือจากตำราที่มีแต่ละวิชา ฟังวีดิโอคำบรรยายในเว็บไซต์ หรือทำอย่างไรก็ได้ แต่ต้องสอบผ่านทุกวิชาที่หลักสูตรกำหนดไว้ แล้วก็จะสามารถเรียนจบหลักสูตรได้รับปริญญาตามที่เลือกไว้ได้ การเรียนรามทุกหลักสูตร รวมทั้ง Pre-degree เป็นการเรียนที่ผู้เรียนต้องช่วยเหลือตัวเอง มีวินัยและรับผิดชอบผู้ที่ขยัน อ่าน และรับผิดชอบก็จะใช้เวลา ในการเรียนสั้น แต่ถ้าเรียนนานหลายปีก็อาจจะมาจากการที่ต้องทำงานไปด้วยหรือทำกิจกรรมนักศึกษาไปด้วย แต่ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับผู้ที่เรียนสามารถออกแบบชีวิตตัวเองได้ว่าจะเรียนแบบไหน และจะประสบผลสำเร็จในชีวิตได้อย่างไร" อธิการบดี มหาวิทยาลัยรามคำแหง ระบุ ผศ.วุฒิศักดิ์ อธิบายว่าเขาเชื่อว่า การเรียนจบปริญญาตรีเร็วขึ้น ทำให้ มีโอกาสในการพัฒนาตัวเองเร็วขึ้น เช่นถ้าเรียนจบปริญญาตรีเร็วก็มีโอกาสจะไปต่อปริญญาโทได้เร็วขึ้น มีโอกาสไปเรียนอย่างอื่นได้มากขึ้น และทำให้มีประสบการณ์มากกว่าเด็กวัยเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น นักเรียนชั้น ม.ปลายโรงเรียนสาธิตรามคำแหงจบ ม.ปลายพร้อมๆ กับเหลืออีก 4 วิชา จะเรียนจบคณะนิติศาสตร์ แถมยังสอบ ติดคณะทันตแพทย์ และได้วางแผนไว้ว่าหลังจากเรียนจบปริญญาตรี จะเรียนปริญญาโทกฎหมายและเรียนเนติบัณฑิตต่อไป เพื่อที่จะสอบ ผู้พิพากษาและสอบอัยการโดยไม่ได้เลือกเรียนคณะทันตแพทย์ เพราะชอบกฎหมายมากกว่า ปัจจุบันสถาบันการศึกษาหลายแห่งได้จัดหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนมากขึ้น แม้แต่ตลาดวิชาอย่างรามคำแหงก็ต้องปรับตัวเปิดหลักสูตรที่ตลาดต้องการ หรือเปิดหลักสูตรที่มีความจำเป็นในอนาคต อย่างเช่นคณะทัศนมาตรศาสตร์ (Optometry) เป็นหนึ่งในวิชาชีพการประกอบโรคศิลปะที่เกี่ยวข้องกับตาและโครงสร้างที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสายตาระบบการเห็นและการประมวลผลของระบบการเห็นในมนุษย์ ผู้ประกอบโรคศิลปะโดยอาศัย ทัศนมาตร (Optometrist) ได้รับการ ฝึกฝนเฉพาะทางเพื่อสั่งจ่ายและประกอบเลนส์ชนิดต่างๆ เพื่อปรับปรุงสภาพการเห็น ในบางประเทศ ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาทัศนมาตรยังได้รับการฝึกเพื่อวินิจฉัยและรักษา โรคของตาหลายอย่าง อีกทั้งยังทำหน้าที่ของ "แพทย์ปฐมภูมิ" หรือ Primary care physician ซึ่งเป็นรูปแบบของการบูรณาการในการปฏิบัติทางการแพทย์ทั่วไประดับปฐมภูมิเข้ากับหน้าที่เฉพาะทางด้านทัศนมาตรศาสตร์ ซึ่งมีเปิดสอนอยู่ 2 แห่งคือที่มหาวิทยาลัยรังสิต และมหาวิทยาลัยรามคำแหง นอกจากนี้ยังเปิดการแพทย์แผนไทย วิศวกรรมศาสตร์ เป็นต้น ซึ่งเป็นวิชาชีพเฉพาะที่ต้องสอบคัดเลือกผู้ที่ ต้องการจะเรียนด้วย ทั้งนี้มีจำนวนนักศึกษาที่สมัคร Pre-degree ในแต่ละปีดังนี้ เปิด ครั้งแรก ปี 2540 มี 2,905 คน, ปี 2550 มี 10,854 คน, ปี 2555 มี 17,536 คน และ ปี 2560 มี 7,944 คน |
URI: | http://dspace.rmutk.ac.th/handle/123456789/3222 http://edu.iqnewsclip.com/newsservice.aspx |
Appears in Collections: | ข่าวการศึกษา |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
C-190103011012.pdf | 1.12 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.