การศึกษาความต้องการของชุมชนต่อการบริการทางวิชาการ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตเทคนิคกรุงเทพฯ

Abstract

การศึกษาความต้องการของชุมชนต่อการบริการทางวิชาการ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขจเทคนิคกรุงเทพฯ ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษา 1) ความต้องการของนักเรียนนักศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาบุคลากร หลักสูตรการฝึกอบรมและศึกษาต่อ 2 ความต้องการของบุคคลทั่วไปเกี่ยวกับหลักสูตรการฝึกอบรมและศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา และ 3 ความต้องการผู้นำชุมชน เกี่ยวกับการพัฒนาบุคลากร หลักสูตรการฝึกอบรมและศึกษาต่อ การวิจัยครั้งนี้ศึกษาจากประชากรในเขตบริการของสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตเทคนิคกรุงเทพ ณ 8 เขต กลุ่มตัวอย่างแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ นักเรียนและนักศึกษา 3,588 คน บุคคลทั่วไป 1,704 คน และผู้นำชุมชน 120 คน เครื่องมือในการเก็บข้อมูลได้แก่ แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยการหาค่าความถี่ ค่าร้อยละ ลำดับที่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1.ความต้องการของนักเรียนนักศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาบุคลากร หลักสูตรการฝึกอบรมและการศึกษาต่อ ได้ผลดังนี้ 1.1 นักเรียนนักศึกษาส่วนใหญ่ (99.5%) ต้องการศึกษาต่อในระดับที่สูงสาขาที่ต้องการศึกษาต่อ 5 อันดับแรกได้แก่ สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ สาขาวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสากล สาขาวิชาการจัดการทรัพยากรมนุษย์ สาขาวิชาการจัดการสำนักงาน และสาขาวิชา การตลาดระหว่างประเทศ 1.2 นักเรียนนักศึกษาส่วนใหญ่ (69%) มีความคิดเห็นว่าการพัฒนาบุคลากรของชุมชนมีความสำคัญมาก และนักเรียน นักศึกษาส่วนใหญ่ (65.8%) ต้องการที่จะเข้าร่วมการฝึกอบรม สำหรับวิธีการในการฝึกอบรมที่ต้องการมีดังนี้ การฝึกอบรมในระหว่างปฏิบัติงาน การอบรม ภายในบริษัท และการอบรมในสถาบันฝึกอบรม โดยหลักสูตรที่นักเรียน นักศึกษาต้องการให้มีการอบรมในชุมชน 5 อันดับแรกได้แก่ ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสากล สอนเสริมภาษาอังกฤษ ทักษะการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีการนำเสนอผลงาน การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เครือข่าย และภาษาต่างประเทศ (จีน,ญี่ปุ่น,ฝรั่งเศส) 2. ความต้องการของบุคคลทั่วไป เกี่ยวกับหลักสูตรการฝึกอบรม และศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา มีผลดังนี้ 2.1 บุคคลทั่วไป 23.7% ต้องการศึกษาต่อในระดับสูง ซึ่งมี 34.17% ต้องการศึกษาต่อในระดับปริญญาโท และ 27.58% ต้องการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี โดยมี 52.43% ต้องการศึกษาต่อในระดับปิด (เรียนที่สถาบัน/ศูนย์) 29.38% ต้องการศึกษาต่อแบบผสม (เรียนที่สถาบัน ส่วนหนึ่ง ศึกษาด้วยตนเองส่วนหนึ่ง) และ 17.59% ต้องการศึกษาต่อแบบเรียนทางไกล (มีการบรรยาย สรุป) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มวุฒิทางการศึกษา (59.8%) และเพื่อเพิ่มรายได้พิเศษ (55.52%) และ 32.92% เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน 2.2 บุคคลทั่วไป 43.7% ต้องการเพิ่มพูนความรู้ด้วยการ ฝึกอบรมเท่านั้นมี 64.3% ต้องการฝึกอบรมระยะสั้น (ไม่เกิน 10 วัน) และ35.02% ต้องการฝึกอบรม ระยะยาว (1 เดือนขึ้นไป) โดยต้องการฝึกอบรมในช่วงวันเสาร์ – อาทิตย์ มีวัตถุประสงค์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน 52.9% เพื่อเพิ่มรายได้พิเศษ 43.7% 2.3 บุคคลทั่วไป 32.6% ต้องการทั้ง ศึกษาต่อและฝึกอบรม มีความต้องการศึกษาต่อในระดับปริญญาโท 41.6% และศึกษาต่อในระดับ ปริญญาตรี 28.6% โดยที่ 43.4% ต้องการศึกษาต่อในระบบปิด 35.8% ต้องการศึกษาต่อแบบผสม 19.6% ต้องการศึกษาต่อแบบเรียนทางไกล ต้องการศึกษาต่อเพื่อเพิ่มคุณวุฒิทางการศึกษา 61 % เพื่อเพิ่มรายได้พิเศษ 32 % และเพื่อเลื่อนตำแหน่ง 24.1% ส่วนการฝึกอบรมนั้น 65.5% ต้องการฝึกอบรมระยะสั้นและ 33.5% ต้องการฝึกอบรมระยะยาว ซึ่งส่วนใหญ่ต้องการฝึกอบรมในช่วงวันเสาร์ – อาทิตย์ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (52.9%) เพื่อเพิ่มรายได้พิเศษ (43.7%) 2.3 บุคคลทั่วไป 32.6% ต้องการทั้ง ศึกษาต่อและฝึกอบรม มีความต้องการศึกษาต่อในระดับประดับปริญญาโท 41.6% และศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี 28.6% โดยที่ 43.4% ต้องการศึกษาต่อในระบบปิด 35.8% 3. ความต้องการของผู้นำชุมชนเกี่ยวกับการพัฒนาบุคลากรหลักสูตรการฝึกอบรมและศึกษาต่อ มีผลดังนี้ 3.1 ผู้นำชุมชนส่วนใหญ่ (64.17%) มีความคิดเห็นว่าการพัฒนาบุคลากรในชุมชนมี ความสำคัญมากและควรได้รับการพัฒนาและฝึกอบรม 52.5% ส่วนผู้นำชุมชนส่วนใหญ่ ต้องการศึกษาต่อในระดับสูง และ 60.83% ต้องการเข้ารับการฝึกอบรม วิธีการที่ควรใช้ในการฝึกอบรมผู้นำชุมชนและบุคลากรในชุมชน ได้แก่ การให้ความรู้เพิ่มเติม โดยใช้สื่อต่างๆ การศึกษาดูงาน การอบรมในสถาบันฝึกอบรม การจัดกิจกรรมกลุ่มย่อย การประชุมสัมมนา/อบรม 3.2 หลักสูตรที่ ผู้นำชุมชนต้องการศึกษาต่อ 5 อันดับแรก ได้แก่ สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสากล สาขาวิชาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ และสาขาการเงิน