ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานมหาวิทยาลัย สายสนับสนุน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ

Abstract

การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานมหาวิทยาลัยสายสนับสนุน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลจากพนักงานมหาวิทยาลัยสายสนับสนุน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ จำนวน 162 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ประกอบด้วย ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติการทดสอบที (t-test) การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) และการวิเคราะห์ถดถอยเชิงพหุคูณ (Multiple Regression Analysis) ผลการศึกษา พบว่า ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานมหาวิทยาลัยสายสนับสนุน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( x ̅ = 4.18 , S.D. = 0.549 ) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานมหาวิทยาลัยสายสนับสนุน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ อยู่ในระดับมากทุกด้าน เรียงลำดับคือ ด้านคุณภาพของงาน ( x ̅ = 4.21 , S.D. = 0.623 ) รองลงมา ด้านเวลา ( x ̅ = 4.20 , S.D. = 0.624 ) ด้านปริมาณงาน ( x ̅ = 4.19 , S.D. = 0.606 ) และด้านการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ( x ̅ = 4.13 , S.D. = 0.687 ) ตามลำดับ ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า ปัจจัยส่วนบุคคลของพนักงานมหาวิทยาลัยสายสนับสนุน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ได้แก่ เงินเดือนแตกต่างกัน และระดับตำแหน่งแตกต่างกันส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานที่แตกต่างกัน และปัจจัยด้านแรงจูงใจในการทำงาน ประกอบด้วย 1) ปัจจัยจูงใจ (Motivation Factors) ได้แก่ ด้านการได้รับการยอมรับ (MF2) ด้านความรับผิดชอบ (MF5) และ 2) ปัจจัยอนามัย (Hygiene Factors) ได้แก่ ด้านนโยบายและการบริหารงานในองค์กร (HF1) ด้านความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน (HF4) ด้านความมั่นคงในการทำงาน (HF6) ด้านชีวิตส่วนตัว (HF7) และด้านค่าตอบแทน (HF9) ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานมหาวิทยาลัยสายสนับสนุน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ซึ่งสามารถนำผลวิจัยดังกล่าวมาเป็นแนวทางและสร้างนโยบายการจัดการด้านทรัพยากรมนุษย์ต่อไป

การค้นคว้าอิสระนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตร บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ปีการศึกษา 2563

The research aims to study the factors affecting to performance efficiency of support staff in Rajamangala University of Technology Krungthep. Questionnaires were conducted as the research instruments. The sample group used in the research was the information of support staff in Rajamangala University of Technology Krungthep. The response was amount 162 responses all support staff. The data was statistically analyzed by using frequency, percentage, mean, standard deviation, t-test, one-way ANOVA, and Multiple regression Analysis. The results revealed that the factors affected the performance efficiency of support staff in Rajamangala University of Technology Krungthep. Have high level of overall performance efficiency (x ̅ = 4.18 , S.D. = 0.549 ) Furthermore when considering the details of the results, it is found that they also have a high level of performance efficiency in Quality of work ( x ̅ = 4.21 , S.D. = 0.623 ), the time of work ( x ̅ = 4.20 , S.D. = 0.624 ) workload ( x ̅ = 4.19 , S.D. = 0.606 ) and Efficient use of resources ( x ̅ = 4.13 , S.D. = 0.687 ), respectively. The results of the hypothesis showed that the difference in general characteristics of the personal factors of personnel include of the level of salary, level of position affect work performance, while the Motivation Factors were 1) The Factors Recognition(MF2) Job responsibility (MF5) and 2) The Hygiene Factors; Policy and administration in the organization (HF1) Relationships with colleagues (HF4) Job security (HF6) Personal life (HF7) and Compensation (HF9) overall affect the performance efficiency of support staff in Rajamangala University of Technology Krungthep, which can be applied to use making human management policy.

AN INDEPENDENT STUDY SUBMITTED IN PARTIAL FULFILLMENT OF THE REQUIREMENTS FOR THE MASTER DEGREE OF BUSINESS ADMINISTRATION PROGRAM RAJAMANGALA UNIVERSITY OF TECHNOLOGY KRUNGTHEP ACADEMIC YEAR 2020 COPYRIGHT OF RAJAMANGALA UNIVERSITY OF TECHNOLOGY KRUNGTHEP