Please use this identifier to cite or link to this item:
https://dspace.rmutk.ac.th/jspui/handle/123456789/3531
Full metadata record
DC Field | Value | Language |
---|---|---|
dc.contributor.author | มติชนสุดสัปดาห์ | - |
dc.date.accessioned | 2019-12-20T09:23:23Z | - |
dc.date.available | 2019-12-20T09:23:23Z | - |
dc.date.issued | 2562-12-20 | - |
dc.identifier.uri | http://dspace.rmutk.ac.th/handle/123456789/3531 | - |
dc.description.abstract | รู้หรือไม่ ? กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของเรามีพื้นที่สีเขียวต่ำกว่ามาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ เมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ทั่วโลก อาทิ สิงคโปร์มีพื้นที่สีเขียว ในเมืองประมาณ 66 ตารางเมตรต่อคน ขณะที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศ ที่ถูกขนานนามว่าเต็มไปด้วยตึกสูง แต่ก็มีพื้นที่ สีเขียวอยู่ประมาณ 38 ตารางเมตรต่อคน หรือกรุงโตเกียวในประเทศญี่ปุ่นที่มีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในเมืองหลวงก็มีพื้นที่สีเขียว 12 ตารางเมตรต่อคน แต่ที่น่าตกใจ คือ กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทยมีพื้นที่สีเขียวเพียงแค่ 3 ตารางเมตรต่อคน ซึ่งต่ำกว่าที่องค์การอนามัยโลกได้กำหนดไว้ว่าควรมีพื้นที่สีเขียว 9 ตารางเมตรต่อคน จากสถิติดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึง สภาพอากาศสิ่งแวดล้อมในเมืองหลวงของไทย จากการที่มีต้นไม้น้อยมาก ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาของสุขอนามัยตามมา โดยวิจัยออกมาว่า คนกรุงฯ มีปัญหาด้านสุขภาพเกี่ยวกับทางเดินหายใจ อาทิ หอบหืด หรือภูมิแพ้สูงขึ้นทุกปี โดยเฉลี่ยปีละ 20,000 - 30,000 คน ซึ่งเกิดจากท่อไอเสียรถยนต์ ไม่เพียงทำให้เกิดปัญหาด้านมลพิษทางอากาศเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการที่สภาพอากาศในกรุงเทพมหานคร จะสูงขึ้นปีละ 4 - 5 องศาเซลเซียสจนมีสภาพกลายเป็นเกาะร้อน อย่างประเทศในตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ ฟิลิปปินส์ ถึงขั้นออกกฎหมาย Graduation Legacy For the Environment Act เพื่อนักเรียนตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงมหาวิทยาลัยปลูกต้นไม้ ให้ได้ 10 ต้น จึงจะสามารถขอจบการศึกษาได้ ซึ่งการออกกฎหมายดังกล่าว ฟิลิปปินส์จึง ตั้งเป้าปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้นกว่า 175 ล้านต้นต่อปี เนื่องจากประสบปัญหาลุกล้ำพื้นที่ป่าอย่างรุนแรงในปี 2443 มีพื้นที่ป่า 29 ล้านเอเคอร์ กระทั่ง ปี 2542 พื้นที่ป่าลดลงเหลือเพียง 12 เอเคอร์ เท่านั้น นอกจากนี้ ประเทศเพื่อนบ้านอย่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้ตระหนักถึงคุณค่าของป่าไม้จึงจัดกิจกรรม ปลูกต้นไม้ตามริมสองฝั่งถนน และถูกนำมาเป็นนโยบายของรัฐ ซึ่งจัดให้มีการปลูกต้นไม้ มะฮอกกานี 200 ต้น รวมระยะทางที่ปลูก 9 กิโลเมตร และมีการวางแผนปลูกมากกว่า 1,200 ต้น และวางแผนปลูกต้นไม้ในพื้นที่ ป่าเสื่อมโทรม 400 เฮคเตอร์ ในประเทศไทยของเราได้มีการจัดกิจกรรม "รวมพลังเครือข่ายกรุงเทพฯ สีเขียว" ผนึกกำลัง เพื่อสร้างภาคีเครือข่ายจากทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน สถาบันการศึกษา ชุมชน สื่อมวลชน และภาคประชาชน ให้มาร่วมมือกัน เพื่อแสดงพลังช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม ลดโลกร้อน เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพฯ โดยการจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ นอกจากนี้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมง่ายๆ อีกวิธีโดยการเปลี่ยนขยะให้เป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังมี บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ที่เริ่มจากแปลงปลูกป่า FPT 49 เขตห้ามล่าสัตว์ป่าป่าเขาภูหลวง ที่ได้อาสาเข้าร่วมโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ 1 ล้านไร่ เมื่อปี 2537 จนถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลา 25 ปี มีพื้นที่ปลูกป่าทั้งหมด 1,164,743 ไร่ รวม 554 แปลงปลูก ครอบคลุมพื้นที่ 56 จังหวัดของประเทศไทย ถือเป็นแปลงปลูกป่าที่ใหญ่ที่สุดของ ปตท. และมีต้นประดู่ป่าทรงปลูก ต้นกล้าต้นที่ 100 ล้าน ปัจจุบันผืนป่า FPT 49 แห่งนี้ สามารถช่วยกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 1.003 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ ทดแทนการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของคนกว่า 2 แสนคน ซึ่งโดยเฉลี่ยจะมีการปล่อย 4.8 ตัน/คน/ปี ปลดปล่อยออกซิเจน 8.02 แสนตันออกซิเจน และเมื่อได้เริ่มสร้างป่าสำเร็จจึงมีแนวคิดในการปลูกป่าในเมือง โดยเริ่มจากการสร้าง แรงบันดาลใจให้แก่เยาวชนระดับมหาวิทยาลัยผ่าน โครงการ "40 ปี ปตท. PLANT TOGETHER" ร่วมกับ เจเอสแอล จัดประกวดสร้างพื้นที่สีเขียวให้แก่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต มหาวิทยาลัยกรุงเทพ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เยาวชนในระดับอุดมศึกษาได้มีส่วนร่วมสร้างและขยายพื้นที่สีเขียว เกิดใจรักษ์และหวงแหนทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อม รวมถึงประชาชนทั่วไปยังได้รับแรงบันดาลใจดีๆ จากความคิดต้นแบบนี้ พร้อมนำไปปรับใช้ ในชีวิตประจำวัน ทั้งที่บ้าน สถานศึกษา และ ที่ทำงานต่อไป จากแนวคิดดังกล่าวข้างต้น จึงขยายผล การเพิ่มพื้นที่สีเขียว โดยให้ประชาชน ในเมืองร่วมกันปลูกต้นไม้ ผ่านกิจกรรม Green Bangkok 2030 ณ สวนรถไฟ ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายเพื่อนำป่าสู่เมือง โดยได้เนรมิตกรุงเทพมหานครให้เป็นเมืองสีเขียว โดยกิจกรรมมีการมอบรางวัลให้กับน้องๆ ที่ชนะโครงการประกวด ปตท. 40 ปี PLANT TOGETHER และมีการ ให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกต้นไม้ ป่าชายเลน มี การทำ Workshop "ปลูกเพื่อลูก" โดยมีครอบครัวดารามาร่วมให้ความสนุกสนาน นอกจากนี้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมปลูกถาดต้นกล้า ปลูกต้นไม้ในทรายสี สวนขวดโหล ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีการจัดเสวนาให้ความรู้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเหล่าดาราคนดังที่มีใจรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์และเสนอแนวทางการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ด้วยตัวของเราเองว่าเราสามารถที่จะช่วยโลกของเราโดยการปลูกต้นไม้ได้อย่างไรบ้าง นอกจากนี้ มีการให้ตอบคำถามเกี่ยวกับ การปลูกต้นไม้ เพื่อแลกรับของรางวัล และมีการแจกเมล็ดพันธุ์ เพื่อให้นำไปปลูกที่บ้าน จำนวน 4 สายพันธุ์ ได้แก่ ทองอุไร ประดู่บ้าน ทรงบาดาล เหลืองปรีดียาธร ซึ่งบรรยากาศ ภายในงานเป็นไปด้วยความสนุกสนาน มีประชาชนจำนวนมากให้ความสนใจตั้งแต่ ช่วงเช้าที่เริ่มกิจกรรม ทั้งนี้เชื่อว่า จากความร่วมมือร่วมใจ ของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ทุกภาคส่วน รวมถึงประชาชน ที่ได้ พร้อมเพรียงกันในการที่จะผลักดันให้กรุงเทพมหานครของเราให้กลายเป็นเมืองที่น่าอยู่ ไร้ซึ่งมลพิษ เชื่อว่าอีก 10 ปีข้างหน้า กรุงเทพมหานครจะกลายเป็นเมืองสีเขียวได้อย่างแท้จริง "ปัจจุบันผืนป่า FPT 49 แห่งนี้ สามารถช่วยกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 1.003 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ ทดแทนการปล่อยคาร์บอนได ออกไซด์ของคนกว่า 2 แสนคน ซึ่งโดยเฉลี่ยจะมี การปล่อย 4.8 ตัน/คน/ปี ปลดปล่อยออกซิเจน 8.02 แสนตัน | en_US |
dc.description.sponsorship | library.carit@mail.rmutk.ac.th | en_US |
dc.publisher | มติชนสุดสัปดาห์ | en_US |
dc.subject | พื้นที่สีเขียว | en_US |
dc.title | คอลัมน์ ร้อยเรื่องเล่า: เปลี่ยนเรา เปลี่ยนโลก | en_US |
dc.type | Other | en_US |
Appears in Collections: | ข่าวมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
ร้อยเรื่องเล่า เปลี่ยน เราเปลี่ยนโลก.pdf | 1.09 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.