อุตฯผนึกญี่ปุ่นดัน2แสนโรงงาน4.0

Abstract

เอกชนร่วมผลิตบุคลากรป้อนระบบอัตโนมัติ 4 แสนรายใน 10 ปี กรุงเทพธุรกิจ กระทรวงอุตสาหกรรมจับมือญี่ปุ่น ยกระดับเอสเอ็มอีขึ้นชั้นสมาร์ท แฟคตอรี่ นำร่องญี่ปุ่น 24 บริษัทจับคู่ธุรกิจเอสเอ็มอีไทย 210 ราย ตั้งเป้า 5 ปี ยกระดับโรงงาน 1-2 แสนแห่งเข้าระบบสมาร์ทแฟคตอรี่ ดึง ธพว.-ธ.ก.ส.ร่วมปล่อยสินเชื่อ นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ความร่วมมือด้านเทคโนโลยี Collaboration Forum ระหว่างไทย-ญี่ปุ่น มีการคัดเลือกบริษัทญี่ปุ่นที่มีเทคโนโลยีอัจฉริยะ 24 บริษัท ในเทคโนโลยี Smart Factory และด้าน Smart Logistic & Supply Chain มาจับคู่กับเอสเอ็มอีไทย 210 บริษัท ซึ่งเป็นสมาชิกสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และผู้ประกอบการทั่วประเทศ มาทำงานร่วมกับหน่วยงานร่วมเครือข่ายของกระทรวงอุตสาหกรรม ทั้งนี้ กรมฯ ตั้งเป้าในการยกระดับ ผู้ประกอบการภาคการผลิต 1-2 แสนแห่ง จากทั้งหมด 4 แสนราย ไปสู่สมาร์ทแฟคตอรี่ หรือโรงงานอัจฉริยะ หรือ 25-50% ของโรงงานทั้งหมดภายใน 5 ปี จากปัจจุบันมีสมาร์ทแฟคตอรี่ 1,000-2,000 แห่ง โดยเน้นโรงงานเอสเอ็มอีที่มีขณะนี้ 7-8 หมื่นโรงงานก่อน ซึ่งกรมฯ ได้ลงไปอบรมให้ความรู้ในการปรับตัวไปสูสมาร์ทแฟคตอรี่ แล้วกว่า 1 หมื่นราย และเอสเอ็มอีเลือกลงทุนปรับปรุงส่วนที่เป็นพื้นฐานก่อนแล้วจึงปรับปรุงไปเต็มรูปแบบ นายกอบชัย กล่าวต่อว่า หากเอสเอ็มอี ต้องการความช่วยเหลือด้านการเงินในการปรับปรุงเทคโนโลยี มี 2 กองทุนให้เลือก ได้แก่ 1.กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวทางประชารัฐ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งอนุมัติ วงเงินไปแล้ว 7 พันล้านบาท และ 2.โครงการฟื้นฟูและเสริมสร้างศักยภาพเอสเอ็มอี-คนตัวเล็ก 8 พันล้านบาท ขณะนี้อนุมัติวงเงินแล้ว 1 พันล้านบาท นายสันติ กีระนันทน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่าญี่ปุ่นพร้อมสนับสนุนกิจกรรมการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย โดยเป็นแนวคิดในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ และการปฏิรูปโครงสร้างอุตสาหกรรมทั้งระบบด้วยการเชื่อมต่อบริษัท อุตสาหกรรม ข้อมูล บุคลากร และเครื่องจักรระหว่างบริษัทใหญ่และเอสเอ็มอีเข้าด้วยกัน นอกจากนี้กระทรวงอุตสาหกรรมจะดึงธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้มาร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการช่วยเหลือตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำและด้านการตลาด โดยจะหารือกันในวันที่ 11 พ.ค.นี้ ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมจะจัดงาน "เอสเอ็มอี ทรานส์ฟอร์ม พร้อมแล้วเปลี่ยน" ประชารัฐร่วมใจเพื่อเอสเอ็มอีที่สู่สากล ในวันที่ 18-20 พ.ค.นี้ ที่เมืองทองธานี นายถาวร ชลัษเฐียร ประธานคลัสเตอร์ยานยนต์ และรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และที่ปรึกษาอาวุโส บริษัท เด็นโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การนำเทคโนโลยีมายกระดับการผลิตไม่ใช่ การนำหุ่นยนต์ หรือระบบอัตโนมัติในโรงงาน แต่ต้องออกแบบระบบการผลิตทั้งหมด โดยนำเทคโนโลยีลีนออโตเมชั่นเข้ามาใช้เพื่อลดการสูญเสียเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ การยกระดับการผลิตไปสู่สมาร์ทแฟคตอรี่ ยังมีปัจจัยการสร้างคนที่เด็นโซ่ร่วมร่างหลักสูตรลีนออโตเมชั่นและหุ่นยนต์ให้กับมหาวิทยาลัย 6 แห่ง เช่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ เพื่อสร้างบุคลากรออกแบบระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ และพัฒนาวิทยาลัยอาชีวศึกษา 15 แห่ง สร้างบุคลากรเข้ามาดูแลระบบการผลิตอัตโนมัติ รวมทั้งร่วมมือกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อผลิตบุคลากร C เข้ามาใช้ระบบอัตโนมัติ และหุ่นยนต์ใน Mโรงงาน ซึ่งตั้งเป้าพัฒนาบุคลากร 4 แสนคน Yภายใน 10 ปี หรือปีละ 4 หมื่นคน บรรยายใต้ภาพ กอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์