Please use this identifier to cite or link to this item: https://dspace.rmutk.ac.th/jspui/handle/123456789/3438
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.authorกรุงเทพธุรกิจ
dc.date.accessioned2019-11-25T02:46:45Z
dc.date.available2019-11-25T02:46:45Z
dc.date.issued2562-08-05
dc.identifier.urihttp://dspace.rmutk.ac.th/handle/123456789/3438
dc.identifier.urihttps://edu.iqnewsclip.com/newsservice.aspx
dc.description.abstractคนไทยทั่วไปคงคุ้นเคยกับรสชาติของ 'ปลาดุก' เมนูบ้านๆ ทว่าเป็นโปรตีนคุณภาพราคากันเองเป็นอย่างดี แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาดุกกลับต้องเผชิญกับภาวะต้นทุนที่สูงขึ้น ขณะที่ราคาหน้าบ่อมีแต่ทรงกับทรุด ทางออกถ้าไม่เลิกอาชีพดั้งเดิมไป ก็ต้องขยับขยายหา ช่องทางใหม่ๆ ในการจำหน่าย ซึ่งวันนี้จากความร่วมมือของหลายฝ่าย ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ 'ปลาดุกอุ๊ย' คือคำตอบจากงานวิจัย ผศ.ดร.สายชล ชุดเจือจีนผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา (ผอ.สวพ.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลกรุงเทพ(มทร.กรุงเทพ) กล่าวถึงการทำงานวิจัยเรื่อง 'การสร้างคุณค่าและเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) จากทรัพยากรพื้นถิ่นปลาน้ำจืดของจังหวัดสุพรรณบุรี' ว่า สืบเนื่องมาจากความย่ำแย่ของเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบกับเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาดุกพื้นที่บ้านดอนตะเคียนในตำบลยุ้งทะลาย อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เนื่องจากต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น แต่ราคา รับซื้อผลผลิตยังคงเท่าเดิม ทาง มทร.กรุงเทพซึ่งมีทุนเดิมเกี่ยวกับงานบริการวิชาการในพื้นที่อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ประกอบกับการมีโจทย์โครงการงานวิจัยการสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มตลอดห่วงโซ่คุณค่าของสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) บนฐานทรัพยากรในแต่ละจังหวัด ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรับผิดชอบ ภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนางานวิจัยและการสนับสนุนชุดโครงการวิจัยที่มีผลกระทบสูง(Program based Research) ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สกสว.) และเครือข่ายมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคล จึงได้เริ่มต้นงานวิจัยดังกล่าว "การทำงานวิจัยในชุดนี้มีภาคี เครือข่ายจากประมงจังหวัดสุพรรณบุรีเข้ามาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาดุก ในจังหวัดสุพรรณบุรีมีการเลี้ยงปลาดุกมากเป็นลำดับ 2 รองจากปลานิล ซึ่งมีมูลค่าหลายร้อยล้านบาทต่อปี จากข้อมูลดังกล่าวจึงมีการลงพื้นที่ บ้านดอนตะเคียน พบว่ามีการเลี้ยง ปลาดุกทั้งหมด 25 บ่อ โดยมีการทำงานแบบเป็นไปตามกรอบงานวิจัยย่อยโดยใช้โจทย์เกษตรกรเข้ามาทำงานวิจัย" จากแผนพัฒนาจังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ.2561-2564 ได้มีการวิเคราะห์ปัญหาในพื้นที่โดยเฉพาะปัญหาการทำประมงน้ำจืด และการแปรรูปผลิตภัณฑ์น้ำจืด พร้อมทั้งได้วิเคราะห์ความต้องการในการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการส่งเสริมให้เกษตรกรมีช่องทางการทำหน่ายสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากการจำหน่าย แบบขายสดหน้าบ่อ โดยในแผนดังกล่าว ยังต้องการส่งเสริมการตลาดของผลิตภัณฑ์ชุมชน ส่งเสริมการสร้าง ความเข้มแข็งในระดับหมู่บ้านเพื่อ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ในพื้นที่ด้วย "การจำหน่ายปลาจะมีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อโดยตรงจากหน้าบ่อ แต่ปัจจุบันราคาปลาดุกเริ่มตกต่ำและมีต้นทุนที่เกษตรกรแบกรับค่อนข้างสูง ทำให้มีกำไรน้อยลงและตัวเกษตรกรเองรู้สึกไม่คุ้มค่า ต่อการลงทุน ดังนั้น การลงพื้นที่ของนักวิจัยจะมีการทำงานทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ อย่างการเลี้ยง ปลาดุกอย่างไร อาหารแบบไหน การแปรรูป ตลอดจนการทำการตลาด อย่างการตั้งชื่อผลิตภัณฑ์เป็น 'ปลาดุกอุ๊ย' เพื่อให้ดูสะดุดตาและจดจำแบรนด์สินค้าได้ง่ายขึ้น สิ่งเหล่านี้นำไปสู่การยกระดับเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาไปเป็นผู้ประกอบการ อย่างครบวงจรที่สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ จำหน่ายผลิตภัณฑ์ ลดต้นทุนการผลิต และได้รับผลกำไรมากยิ่งขึ้น" ทั้งนี้ การทำงานในระดับต้นน้ำ นักวิจัยจะทำงานร่วมกับเกษตรกรในเรื่องการบริหารจัดการฟาร์ม การเลี้ยง การให้อาหารและการจำหน่าย การให้ความรู้แก่เกษตรกรในการวิเคราะห์ต้นทุนโดยเน้นการลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตจากเทคโนโลยีและนวัตกรรม ระดับกลางน้ำเป็นการยกระดับการแปรรูป ซึ่งเป็นส่วนของเกษตรกรผู้เลี้ยงที่อยากผันตัวเองมาแปรรูปขาย ภายใต้แบรนด์ 'ปลาดุกอุ๊ย' รวมไปถึงการคิดสูตรปลาดุกแปรรูปที่มีโซเดียมต่ำซึ่งกำลังทำวิจัยอย่างต่อเนื่องและคาดว่าผลิตภัณฑ์จะออกจำหน่าย ในท้องตลาดเร็วๆ นี้ ขณะที่ในส่วนของปลายน้ำ จะเป็น การคงตลาดเก่าที่มีทั้งขายปลีกและขายส่ง ซึ่งเคยจำหน่ายอยู่แล้วและ เปิดตลาดใหม่อย่างร้านขายของฝาก หรือกลุ่มผู้รักสุขภาพเพื่อเจาะฐาน ลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะโซนกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สำหรับการเปิดตลาดใหม่ ส่วนหนึ่งจะนำผลิตภัณฑ์แปรรูปมาขายในตลาดนัดที่เปิดทุกวันพุธใน มทร.กรุงเทพ ซึ่งมีการจำหน่ายสินค้าต่างๆ มากมาย โดย ผศ.ดร.สายชล เชื่อว่าช่องทางนี้จะทำให้เกิดฐานลูกค้าหน้าใหม่และทำให้ผลิตภัณฑ์ปลาดุกอุยจากเกษตรกรมีราคาดีขึ้น ด้าน เดชา รอดระวัง ประมงจังหวัด สำนักงานประมงจังหวัดสุพรรณบุรี ระบุว่า การทำงานวิจัยดังกล่าวเป็นความร่วมมือกันระหว่างมหาวิทยาลัยและสำนักงานประมงจังหวัด ในการช่วยกันแก้ปัญหาเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงและผู้แปรรูป ในชุมชน ทำให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพ มีมาตรฐานการผลิตสูง ซึ่งเป็นการส่งเสริม การตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชนให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม การบูรณาการความร่วมมือระหว่างนักวิจัยมหาวิทยาลัย ภาคีเครือข่ายในจังหวัดดังกล่าว ถือเป็น การมุ่งยกระดับกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยง ปลาดุกให้สามารถแปรรูปผลผลิตจากองค์ความรู้ในงานวิจัย ที่นอกจากเพิ่มมูลค่าสินค้าแล้ว ยังเป็นการเชื่อมโยงตั้งแต่กระบวนการผลิต การจำหน่าย การแปรรูปอย่างครบวงจร ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสทางการตลาดและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรหน้าบ่อ ในการลดปัญหาสินค้าราคาตกต่ำ และลดความเหลื่อมล้ำของเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างลงตัว บรรยายใต้ภาพ ผศ.ดร.สายชล ชุดเจือจีนen_US
dc.description.sponsorshiplibrary.carit@mail.rmutk.ac.th
dc.language.isootheren_US
dc.publisherกรุงเทพธุรกิจen_US
dc.subjectกรุงเทพธุรกิจen_US
dc.subjectหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์en_US
dc.subjectOTOPen_US
dc.subjectปลาดุกen_US
dc.titleวิจัยใต้หิ้ง: ปั้นแบรนด์ 'ดุกอุ๊ย' เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรen_US
dc.typeWorking Paperen_US
Appears in Collections:ข่าวมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
C-190805011066.pdf1.43 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.