Please use this identifier to cite or link to this item:
https://dspace.rmutk.ac.th/jspui/handle/123456789/3106
Title: | เปิดร่างพ.ร.บ.การศึกษาฉบับผ่านกฤษฎีกา |
Authors: | เดลินิวส์ |
Keywords: | เดลินิวส์ การศึกษา |
Issue Date: | 6-Mar-2562 |
Publisher: | เดลินิวส์ |
Abstract: | ศ.นพ.จรัส สุวรรณเวลา ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) เปิดเผยว่า ในการประชุม กอปศ. วันที่ 5 มี.ค. รศ.นพ.จิรุตม์ ศรีรัตนบัลล์ กรรมการใน กอปศ. ได้รายงานว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ เสร็จสิ้นแล้ว โดยล่าสุดมี 101 มาตรา เท่ากับที่ กอปศ. เสนอ และ คณะกรรมการกฤษฎีกาจะมีหนังสือถามยัง กอปศ. ซึ่งที่ประชุม กอปศ. จะมีหนังสือยืนยันกลับไปว่าเห็นด้วยตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา ส่วนขั้นตอนต่อไปขึ้นอยู่กับรัฐบาลแล้ว แต่เชื่อว่ารัฐบาลได้ผลักดันเรื่องนี้เต็มที่แล้ว ด้าน รศ.นพ.จิรุตม์ กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่ผ่านคณะกรรมการกฤษฎีกา มีสาระสำคัญใหญ่ ๆ 29 ประเด็น ได้แก่ กำหนดเป้าหมายการศึกษาบนฐานสมรรถนะ, แบ่งรายละเอียดเป็น 7 ช่วงวัย, จัดระบบหน้าที่และสิทธิของผู้ที่เกี่ยวข้องกับระบบการศึกษาให้มีความชัดเจนและสร้างการมีส่วนร่วมที่เหมาะสม โดยให้หลักการการจัดการศึกษาของเอกชนว่าต้องเป็นไปโดยไม่แสวงหาผลกำไร เว้นแต่กฎหมายอนุญาตไว้ เอกชนมีสิทธิในการจัดการศึกษาทุกระดับ รัฐต้องจัดงบฯ ให้แก่ผู้เรียนที่ไปนั่งเรียนกับการศึกษาเอกชนให้เพียงพอ ให้ครูเอกชนได้รับเงินเดือนค่าตอบแทนที่สอดคล้องกับครูภาครัฐ โดยรัฐอาจจัดเงินอุดหนุนเพิ่มเติมให้ครูเอกชนได้ด้วย รศ.นพ.จิรุตม์ กล่าวต่อไปว่า สถานศึกษาเป็นนิติบุคคลได้ตามที่กฎหมายกำหนด ตลอดจนมีบทบาทในการเป็นแหล่งเรียนรู้ให้แก่ประชาชนด้วยเพื่อรองรับการเรียนรู้ตลอดชีวิต ให้สถานศึกษามีอิสระตามหลักเกณฑ์ แนวทาง เงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด ซึ่งอย่างน้อยต้องครอบคลุมการบริหารกระบวนการจัดการเรียนรู้ การบริหารเงิน การใช้จ่าย การบริหารงานบุคลากร การบริหารทรัพย์สิน ซึ่งเงินได้ของสถานศึกษาก็สะสมเป็นของสถานศึกษาได้ภายในหลักเกณฑ์ที่กำหนด มีคณะกรรมการสถานศึกษาที่มีความยืดหยุ่น และมีบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการไปเจรจากับกระทรวงการคลัง เรื่องจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุ การจัดสรรงบฯ ให้แก่สถานศึกษาตั้งแต่ระดับก่อนวัยเรียนถึงการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้เป็นเงินอุดหนุนทั่วไป ไม่กำหนดวัตถุประสงค์และไม่ต่ำกว่าจำนวนเงินขั้นต้น โดยให้มีการตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นและไปกำหนดว่าเงินขั้นต้นต้องเป็นจำนวนเท่าไร เพื่อแก้ปัญหาสถานศึกษาขนาดเล็ก มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการจัดการศึกษาทางเลือกโดยผู้ปกครอง การศึกษาคนพิการ และผู้ที่มีความสามารถพิเศษ กระจายไว้ในมาตราต่าง ๆ และให้ประชาชนสามารถรวมตัวกันเป็นคณะบุคคลได้ เช่น สมัชชาการศึกษาจังหวัด และให้แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดช่วยเหลือสนับสนุนอุดหนุน "ร่างกฎหมายยังให้หลักการ วิธีการรับผู้เรียนเข้าศึกษาในสถานศึกษาของรัฐ โดยการศึกษาระดับก่อนวัยเรียนและการศึกษาภาคบังคับต้องไม่ใช้วิธีการสอบแข่งขัน หรือ คัดเลือกด้วยวิธีการอื่นใด หากมีผู้เข้าเรียนมากกว่าที่นั่งเรียนให้ใช้วิธีจับสลาก ส่วนระดับ ม.ปลาย กับ อุดมศึกษา การคัดเลือกต้องใช้ผลการเรียนหรือสิ่งที่ได้เรียนมาในช่วงระดับก่อนหน้าเท่านั้น การวัดผลคัดเลือกที่สูงกว่าที่กำหนดถือว่าเป็นการจงใจทำให้บุคคลอื่นเสียหาย" รศ.นพ.จิรุตม์ กล่าวและว่า นอกจากนี้ยังให้หลักการสำคัญเกี่ยวกับครูและความเป็นครู โดยให้คณะกรรมการนโยบาย กับ สำนักงานกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ไปศึกษาวิจัยต้นแบบและวิธีการในการพัฒนาผลิตครู และบังคับไว้ในกฎหมายว่าคุรุสภาต้องนำผลการวิจัยไปประกอบกำหนดในมาตรฐานและจรรยาบรรณครูด้วย, ครูที่จัดการศึกษาในระดับก่อนวัยเรียนและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ยกเว้นอาชีวศึกษา ต้องมี "ใบรับรองความเป็นครู" ยกเว้นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่จัดการศึกษาในวิชาใดวิชาหนึ่งเป็นการเฉพาะ โดยใบรับรองความเป็นครู ใช้ได้ตลอดภายใต้เงื่อนไขของการได้รับการพัฒนาตามระยะเวลาที่กฎหมายบัญญัติ ให้มี "ครูใหญ่" เป็นผู้รับผิดชอบการบริหารสถานศึกษา และบังคับบัญชาครูในสถานศึกษา โดยครูใหญ่สามารถแต่งตั้ง "ผู้ช่วยครูใหญ่" ในการบริหารได้ตามความจำเป็น ซึ่งผู้ช่วยครูใหญ่ อาจไม่ใช่ครูก็ได้ เป็นต้น. |
URI: | http://dspace.rmutk.ac.th/handle/123456789/3106 |
Appears in Collections: | ข่าวการศึกษา |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
B-190306004178.pdf | 93.41 kB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.