Please use this identifier to cite or link to this item: https://dspace.rmutk.ac.th/jspui/handle/123456789/3088
Title: เตรียมตัว เตรียมใจ ยุคเอไอครองโลก
Authors: ป้อมยาม
Keywords: กรุงเทพธุรกิจ
การศึกษา
Issue Date: 2-Jan-2562
Publisher: กรุงเทพธุรกิจ
Abstract: ปีที่แล้ว ใครๆ ก็พูดถึงเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ที่จะเข้ามาทำงานแทนมนุษย์มากขึ้น ยกตัวอย่าง มีการนำโดรน มาใช้ประโยชน์หลากหลายมากขึ้น ทั้งด้านบันเทิง การเกษตรและขนส่ง ฯลฯ และหุ่นยนต์ถูกนำมาใช้ในโรงงานมากขึ้น ต่อไปก็คงในสำนักงาน และโรงพยาบาล ถ้าถึงตอนนั้นอุตสาหกรรมการผลิต อาจย้ายฐานไปสู่ประเทศที่ใช้หุ่นยนต์เป็นแรงงาน รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ ต่างชาติที่มีระบบรับจ่ายเงินของตัวเองโดยไม่ผ่านระบบธนาคาร และอะไรอีกมากมายที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเทคโนโลยี 5G พัฒนาไปไกล ก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลง อีกเยอะ เนื่องจากระบบนี้เป็นพื้นฐานในการเชื่อมโยงอินเทอร์เน็ตไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ยังเชื่อมโยงกับการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ ไม่ว่า ยานพาหนะ หรือ อาคารที่ติดตั้งวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ซอฟต์แวร์ เซ็นเซอร์ และเชื่อมต่อเครือข่ายต่างๆ ทำให้อุปกรณ์สามารถส่งผ่านข้อมูลถึงกันและกัน ในอนาคต งานแบบไหนจะ ไม่ถูกแย่งจากเทคโนโลยีมากมายที่จะ เกิดขึ้นในโลกนี้ "มีงานสามประเภทที่ไม่สามารถพัฒนา ให้หุ่นยนต์และเอไอเข้ามาทดแทนและทำงานได้ดีเท่าคนคือ งานที่ต้องใช้ความละเอียดประสาทสัมผัสและมือ งานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์และงานที่ใช้ความฉลาดทางสังคม" ณัฐสิฎ รักษ์เกียรติวงศ์ นักวิชาการทีดีอาร์ไอ กล่าวไว้ 1.อาชีพที่จะถูกแย่งงาน เหมือนเช่นที่กล่าวมา อาชีพที่หุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์ไม่สามารถทดแทนได้ ต้องเป็นอาชีพที่ใช้ความสามารถเฉพาะตัวและคนๆ นั้นต้องมีความชำนาญพิเศษ และไม่ใช่อาชีพที่ใครๆ ก็ทำได้อย่างพนักงานคีย์ข้อมูล งานที่ทำซ้ำๆ เหมือนกันทุกวันในโรงงาน แคชเชียร์คิดเงิน พนักงานรับโทรศัพท์ พนักงานบัญชีที่ไม่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ฯลฯ นักวิชาการทีดีอาร์ไอ ยกตัวอย่างอาชีพศัลยแพทย์ที่มีโอกาสแค่ 0.4 เปอร์เซ็นต์ ที่จะมีถูกหุ่นยนต์ และออโตเมชั่นทดแทน เพราะเป็นอาชีพที่ต้องใช้ทั้งความละเอียดในการผ่าตัด ความคิดสร้างสรรค์ และการคิดค้นแนวทางการรักษาให้เหมาะกับคนไข้ รวมถึงทักษะทางสังคมในการ พูดคุยทำความเข้าใจกับคนไข้ ส่วนอาชีพ พนักงานคีย์ข้อมูล เป็นงานรูทีน ไม่ได้ใช้ความปราณีตมาก ไม่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และไม่ต้องปฏิสัมพันธ์ มีโอกาสถึง 99 เปอร์เซ็นต์ที่จะถูกทดแทนด้วยเอไอ ถ้าอย่างนั้น งานแบบไหนที่เอไอ ไม่สามารถแย่งงานจากมนุษย์ได้ ณัฐสิฎ บอกว่า ต้องเลือกเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ที่ไม่มีใครสามารถสร้างเอไอมาแทนได้ "อย่างอาชีพนักกฎหมาย อาจมีการใช้ เอไอในการประมวลข้อมูลในหลายๆ เรื่อง ถ้าใครไม่อยากถูกแย่งงานต้องพัฒนาตัวเองเป็นนักกฎหมายที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน อย่างการเป็นนักกฎหมายที่สามารถมองภาพรวมเป็นผู้จัดการโครงการ หรือนักกฎหมายผู้พัฒนาระบบเอไอทางด้านกฎหมาย มีความสามารถประมวลองค์ความรู้ด้านกฎหมายเข้ามาอยู่ในรูปแบบ คอมพิวเตอร์ที่เข้าใจได้ และใช้ระบบเอไอวิเคราะห์คดีได้ หรือการเป็นนักกฎหมายเฉพาะด้านที่ไม่มีคนสนใจ อย่างการเป็นนักกฎหมายด้านกีฬา หรือด้านสัตว์สงวน 2. เทคโนโลยีป่วนโลก เทคโนโลยีทั้งที่เกิดขึ้นแล้ว และกำลังจะเกิด นักวิชาการกลุ่มนี้วิเคราะห์ว่า จะมาป่วนโลกอีกมากมาย และมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและสังคม ที่เห็นได้ชัดวงการสื่อถูกกระทบอย่างมาก เมื่อคนหันไปเสพข่าวทางออนไลน์ ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (Thailand Development Research Institute: TDRI) กล่าวเมื่อกลางปีที่ผ่านมา เพื่อชี้ให้เห็นว่า เมื่อเทคโนโลยีป่วนโลกจะเกิดอะไรขึ้น "ในอนาคตถ้าคนดูสื่อออนไลน์มากขึ้น ดูทีวีและหนังสือพิมพ์ลดลง รายได้โฆษณาตอนนั้น ถ้ารัฐไม่ทำอะไรเลย ผมจินตนาการว่า คงเหลือแค่การโฆษณาทางป้ายตามถนนเท่านั้น ส่วนด้านการเงิน ถ้าไม่ปรับตัว ตอนนี้แพลตฟอร์ม อาลีบาบาเข้ามาแย่งค่าธรรมเนียมโอนเงินแล้ว ส่วนด้านอุตสาหกรรมการผลิต ถ้าประเทศไทยไม่ใช้หุ่นยนต์ในโรงงาน จีนและอเมริกาใช้ การจ้างแรงงานก็จะไปอยู่ที่นั่น ในด้านเกษตรมีเทคโนโลยีแทรกเตอร์อัจฉริยะ วิ่งไปตามไร่นา เก็บข้อมูลได้ละเอียด คำนวณการใส่ปุ๋ย ยาฆ่าแมลงได้แม่นยำ หรือการปลูกมันหวานในญี่ปุ่น ก่อนจะส่งมาประเทศไทย ต้องผ่านการตรวจเซ็นเซอร์แสง เพื่อดูว่า เนื้อแน่นเพียงพอหรือไม่" นี่เป็นส่วนเล็กๆ ที่กล่าวถึงเทคโนโลยีป่วนโลก แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีงานอีกหลายสาขาที่ AI ไม่สามารถยึดครองได้คือ เรื่องความปราณีต ความละเอียด และงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงงานที่ใช้ความฉลาดทางสังคม 3.การศึกษาในอนาคต ถ้าอย่างนั้น การศึกษาในอนาคต ต้องเป็นอย่างไร ศุภณัฏฐ์ ศศิวุฒิวัฒน์ นักวิชาการอีกคน บอกไว้ว่า การศึกษาไทย ยังมี ระบบครู โรงเรียน องค์กรที่มีความสามารถมีความคิด พลังที่จะเปลี่ยนไปสู่การศึกษาในอนาคตได้ แต่ที่ผ่านมา ยังทำงานแยกส่วน ถ้าต้องการเปลี่ยนการศึกษาไทย ต้องเปลี่ยนให้เป็นการศึกษาที่เรียนรู้ตลอดชีวิต โดยภาคส่วนต่างๆ ต้องร่วมมือกัน เหมือนประเทศสิงคโปร์ "ภาคการศึกษาต้องปรับหลักสูตรให้สอดคล้องกับทักษะในอนาคต ใช้เทคโนโลยีเสริมการเรียนรู้และเปิดโอกาสให้คนทุกช่วงวัย มีโอกาสได้กลับเข้ามาเรียนใหม่ ที่สำคัญคือรัฐต้องส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยเฉพาะการช่วยเหลือ คนด้อยโอกาสให้สามารถเปลี่ยนอาชีพได้ในโลกอนาคต ถ้าต้องการให้เด็กไทยมีทักษะแห่งอนาคต ทุกภาคส่วนก็ต้องเรียนรู้ทักษะแห่งอนาคตด้วย นั่นก็คือการทำงานเป็นทีม และต้องไม่ยอมให้เด็กไทยท่องจำเหมือนหุ่นยนต์อีกในยุคที่หุ่นยนต์เก่งขึ้นเรื่อยๆ" 4.ความเหลื่อมล้ำในโลกยุคใหม่ เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงในอนาคตอันใกล้ รัฐต้องปรับตัวยังไง ดร.เดชรัต สุขกำเนิด หัวหน้าภาควิชาเศรษฐศาสตร์เกษตรและทรัพยากร คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่าการพัฒนาสู่ดิจิตอล ไม่ได้รับประกันว่า เราจะเหลื่อมล้ำน้อยลง แต่คนมีโอกาสมากขึ้น เพราะการตั้งต้นธุรกิจจะทำให้ใช้ทุนน้อยลง แต่ต้องระวังเรื่องการกระจุกตัวของแพลตฟอร์ม และความรู้เรื่องเอไอ "เรามีแอพใช้เดินทางไม่กี่แอพ การกระจุกเหล่านี้มาพร้อมความเหลื่อมล้ำ จึงต้องตั้งโจทย์ว่า การเข้าถึงทุนทางดิจิทัลจะกระจายแพลตฟอร์มยังไง แพลตฟอร์มบางอย่างที่นอกเหนือ โลกดิจิทัล อาจเป็นเรื่องกลุ่มคนที่รัก เรื่องเดียวกัน สร้างวัฒนธรรมย่อยในเมือง หรือชุมชน ผมคิดว่านำมาใช้พัฒนาประเทศไทยได้เหมือนกัน" ดังนั้นงานที่ใช้ความสามารถเฉพาะหรืองานที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ภาครัฐต้องปรับใหม่ โดยมีข้อแนะนำว่า ข้อ 1 ควรให้โอกาสแรงงานแต่ละคน มีทางเลือกในการฝึกทักษะต่างๆ ด้วยตัวเอง ข้อ 2 ในด้านความสามารถเฉพาะเจาะจง รัฐควรเพิ่มนโยบายในพื้นที่ อาทิ การออกแบบเขตเศรษฐกิจพิเศษให้สนองตอบความต้องการท้องถิ่น ข้อ 3 ต้องมีสวัสดิการที่เพียงพอ เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลง หมายเหตุ เรียบเรียงจากงาน "ปรับทิศทางเศรษฐกิจไทยให้พร้อมสู่ยุคแห่งความปั่นป่วนทางเทคโนโลยี" นักวิจัย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (Thailand Development Research Institute : TDRI) เมื่อพฤษภาคม 2561
URI: http://dspace.rmutk.ac.th/handle/123456789/3088
https://edu.iqnewsclip.com/newsservice.aspx
Appears in Collections:ข่าวการศึกษา

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
C-190102011068.pdf1.42 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.