Please use this identifier to cite or link to this item: https://dspace.rmutk.ac.th/jspui/handle/123456789/4811
Title: อิทธิพลของทิศทางการขึ้นรูปเหล็กกล้าไร้สนิม-316L ในการทดสอบแรงดึง
Other Titles: Influence the Forming Routing of Stainless Steel-316L on Tensile Testing.
Authors: ปริญญา ศรีสัตยกุล
จักรินทร์ กุโลทัยพิภพ
พัชรพล สุดจิตจูล
Keywords: โครงงานปริญญาตรี - ปีการศึกษา 2567
เหล็กกล้าไร้สนิม
มาตรฐาน ASTM
Issue Date: 2567
Publisher: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ. คณะวิศวกรรมศาสตร์. สาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ
Abstract: ปัจจุบันการทดสอบวัสดุมีหลากหลายรูปแบบหลายประเภท และหลากหลายวิธีซึ่งล้วนแล้วแต่ ความสําคัญทั้งสิ้น จึงเป็นเหตุผลที่ทําให้วิศกรจําเป็นต้องคํานึงถึงสิ่งเหล่านี้ เพื่อความปลอดภัยของบุคคลที่ จะนําไปใช้งาน โดยทางผู้จัดทําได้ทําการทดสอบแรงดึง (Tensile Test) โดยเลือกวัสดุเป็นเหล็กกล้าไร้สนิม- 316L เพราะเป็นวัสดุที่สามารถนําไปใช้ได้อย่างหลากหลายที่มีความแข็งแรงและคงทน จากงานวิจัยนี้ได้ ศึกษาผลกระทบของทิศทางการขึ้นรูปเหล็กกล้าไร้สนิม-316L ต่อคุณสมบัติทางกลโดยเน้นการทดสอบแรง ดึงตามมาตรฐาน ASTM E8 โดยทําการขึ้นรูปชิ้นงานใน 3 ทิศทาง ได้แก่ แนวตั้ง แนวนอน และแนวทแยง มุม จากนั้นนําไปทดสอบเครื่องแรงดึงและวิเคราะห์ผลโดยใช้สถิติOne-Way ANOVA เพื่อตรวจสอบว่ามี ความแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญหรือไหม จากการทดสอบค่าที่ได้หลังผ่านการวิเคราะห์ One-Way ANOVA สําหรับค่าความแข็งแรงได้เปรียบเทียบกันทั้ง 3 กลุ่ม ค่าเฉลี่ยอยู่ในกลุ่มความเชื่อมั่น 95% ค่า P- value =0.220 ซึ่งมากกว่า 0.05 จึงไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญ การวิเคราะห์ One-Way ANOVA สําหรับค่าต้านทานแรงดึงสูงสุดค่าเฉลี่ยอยู่ในกลุ่มความเชื่อมั่น 95% ค่า P-value =0.610 ซึ่ง มากกว่า 0.05 จึงไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญ การวิเคาระห์ One-Way ANOVA สําหรับค่า ความแข็ง ค่าเฉลี่ยอยู่ในกลุ่มความเชื่อมั่น 95% ค่า P-value =0.378 ซึ่งมากกว่า 0.05 จึงไม่มีความ แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญ ผลการทดลองชี้ให้เห็นว่าทิศทางการขึ้นรูปไม่มีผลกระทบที่ชัดเจนต่อสมบัติแรง ดึงและค่าความแข็งของเหล็กกล้าไร้สนิม-316L เนื่องจากค่าเฉลี่ยทั้ง 3 แนวมีความใกล้เคียงกันและค่า ทางสถิติไม่มีความแตกต่างกัน (P-value > 0.05 ทุกผลลัพธ์ที่ทดสอบ) ดังนั้นสามมารถเลือกทิศทางการ ขึ้นรูปได้อย่างยืดหยุ่นโดยไม่ส่งผลต่อความแข็งแรงของวัสดุ เหมาะสําหรับการไปใช้ในอุตสาหกรรมที่ ต้องการความทนทานต่อแรงดึงเช่น อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมเคมีและชิ้นส่วนอุปกรณ์ทาง การแพทย์
URI: http://dspace.rmutk.ac.th/handle/123456789/4811
Appears in Collections:บทคัดย่อรายวิชาโครงงานปริญญาตรี



Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.