Please use this identifier to cite or link to this item: https://dspace.rmutk.ac.th/jspui/handle/123456789/231
Title: การเปรียบเทียบความเสี่ยงและอัตราผลตอบแทนของหลักทรัพย์ในกลุ่มตลาด MAI โดยใช้แบบจำลอง CAPM: กรณีศึกษาหลักทรัพย์YUASA, BOL, BROOK, PHOL, BROOK, TRC และ TRT
Other Titles: The comparison of risk and rate of return in the Market for Alternative Investment (MAI) by using CAPM: The case study of YUASA, BOL, PHOL, BROOK, TRC and TRT
Authors: หัตถิยา ศรีสวัสดิ์
มหาวิทยาลัยรามคำแหง. คณะบริหารธุรกิจ. โครงการบริหารธุรกิจมหาบัณฑิตสำหรับผู้จัดการยุคใหม่ .
Keywords: การลงทุนหลักทรัพย์ประเภทหุ้นสามัญ
กลุ่มตลาด MAI
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
รูปแบบการกำหนดราคาสินทรัพย์ทุน
Issue Date: 2014
Publisher: สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ
Abstract: การศึกษาในครั้งนี้เป็นการศึกษาเรื่อง การเปรียบเทียบความเสี่ยงและอัตราผลตอบแทนของ หลักทรัพย์ในกลุ่มตลาด MAI โดยใช้แบบจำลอง CAPM: กรณีศึกษาหลักทรัพย์ YUASA, BOL, PHOL, BROOK, TRC และ TRT จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาเปรียบเทียบความเสี่ยงและอัตราผลตอบแทนของ หลักทรัพย์ในกลุ่มตลาด MAI กับความเสี่ยงและอัตราผลตอบแทนของตลาด และเพื่อศึกษาเปรียบเทียบอัตรา ผลตอบแทนที่คาดหวังโดยใช้ทฤษฎีCAPM กับอัตราผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจริงของหลักทรัพย์ในกลุ่มตลาด MAI จำนวน 6 หลักทรัพย์ ได้แก่ บริษัท ยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) (YUASA) บริษัท บิซิเนส ออนไลน์ จำกัด (มหาชน) (BOL) บริษัท ผลธัญญะ จำกัด (มหาชน) (PHOL) บริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (BROOK) บริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (TRC) บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) (TRT) ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2554 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555 รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 489 วันทำการ โดยใช้ รูปแบบการกำหนดราคาสินทรัพย์ทุน (Capital-Asset Pricing Model : CAPM) เป็นเครื่องมือทดสอบ ความสัมพันธ์ระหว่างความเสี่ยงและอัตราผลตอบแทนของแต่ละหลักทรัพย์เพื่อทำการตัดสินใจเลือกลงทุน ผล การศึกษาพบว่า ความเสี่ยงของหลักทรัพย์ในกลุ่มตลาด MAI ทั้งหมดมีอัตราความเสี่ยงสูงกว่าตลาด ในด้าน อัตราผลตอบแทนของตลาดเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราผลตอบแทนของหลักทรัพย์ในกลุ่มตลาด MAI สามารถ จำแนกออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ หลักทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่าตลาด มีจำนวน 4 หลักทรัพย์คือ YUASA, PHOL, BOL และ TRC ขณะที่หลักทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนต่ำกว่าตลาดมีจำนวน 2 หลักทรัพย์ คือ TRT และ BROOK ทั้งนี้จากการศึกษาค่าสัมประสิทธิ์เบต้า พบว่า ทุกหลักทรัพย์ มีค่าสัมประสิทธิ์เบต้า (Beta Coefficient; ) เป็นบวก กล่าวคือ อัตราผลตอบแทนของหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกับ อัตราผลตอบแทนของตลาด จากการแบ่งแยกความเสี่ยงรวมพบว่า หลักทรัพย์ทั้งหมด มีค่าความเสี่ยงที่เป็น ระบบน้อยกว่า ค่าความเสี่ยงที่ไม่เป็นระบบ เมื่อนำอัตราผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจริง (Ri) กับอัตราผลตอบแทนที่ คาดหวังตามทฤษฎี CAPM (E(Ri)) มาเปรียบเทียบกัน ปรากฎว่าหลักทรัพย์ที่นักลงทุนตัดสินใจลงทุน มีจำนวน 4 หลักทรัพย์ ได้แก่ YUASA, BOL, BROOK และ TRC ส่วนหลักทรัพย์ที่มีนักลงทุนตัดสินใจไม่ลงทุน มีจำนวน 2 หลักทรัพย์ คือ PHOOL และ TRT
URI: http://dspace.rmutk.ac.th/handle/123456789/231
http://journal.rmutk.ac.th/index.php/rmutk/article/view/12/112
Appears in Collections:Vol 8, No 1 (2014)

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
12-132-1-PB.pdf466.12 kBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.