การศึกษาความพร้อมในการเรียนด้วยบทเรียนอีเลิร์นนิ่งของนักศึกษาระดับปริญาตรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ กรณีศึกษา : ครุศาสตร์อุตสากหรรม
Abstract
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจเรื่องการศึกษาความพร้อมในการเรียนด้วยบทเรียนอีเลิร์นนิ่ง ของนักศึกษา ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ กรณีศึกษา : คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความพร้อมและเปรียบเทียบความพร้อมในการเรียนด้วยบทเรียนอีเลิร์นนิ่งของนักศึกษา ระดับปริญญาตรีภาคปกติคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลยัเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ นักศึกษาคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม ระดับปริญญาตรีที่ได้ ลงทะเบียนในภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2552 จำนวนทั้งสิ้น 617คน มีแบบสอบถามที่สมบูรณ์จำนวน 575 ชุด คิดเป็นร้อยละ 93.19 รวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถามแบบประมาณค่า (Rating Scale) แล้วนำมาประมวล ข้อมูลด้วยโปรแกรมสำเร็จรูปทางสังคมศาสตร์สถิติที่ใช้ได้แก่ค่าร้อยละค่าเฉลี่ยค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ ทดสอบสมมุติฐานด้วย F-test (ANOVA) เปรียบเทียบความแตกต่างเฉลี่ยรายคู่ด้วยวิธี Scheffe’ 1. ผลการวิจัยครั้งนี้พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามที่เป็นนักศึกษา ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาชายร้อยละ 88.75กำลังศึกษาอยู่ในช้นั ปีที่1 ร้อยละ 31.48 เป็นนักศึกษาสาขาวิชาเทคโนโลยีอุตสาหการ ร้อยละ 29.22 ได้รับค่าใช้จ่ายรายเดือนระหว่า ง 3,001 – 4,000 บาท ร้อยละ 30.26 มีคอมพิวเตอร์ใช้ที่บ้าน ร้อยละ 58.96 และ มีระยะเวลาของการใช้อินเทอร์เน็ตน้อยกว่า 5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ส่วนผู้ตอบแบบสอบถามที่เป็นอาจารย์ส่วน ใหญ่เป็นอาจารยป์ระจำสาขาวชิาเทคนิคศึกษาร้อยละ24.45 2. ในภาพรวม นักศึกษาประเมินตนเองว่า มีความพร้อมในการเรียนด้วยบทเรียนอีเลิร์นนิ่งอยู่ใน ระดับมาก (x̅ = 3.86) ส่วนอาจารยป์ระเมินว่า นักศึกษามีความพร้อมอยู่ในระดับปานกลาง (x̅ = 3.13) สำหรับ ความพร้อมรายด้าน นักศึกษาประเมินว่า ตนเองมีความพร้อมทั้ง 6ด้านอยู่ในระดับมากเช่นกัน 3. จากการศึกษาความพร้อมในการเรียนด้วยบทเรียนอีเลิร์นนิ่งจำแนกตามสาขาวิชา นักศึกษาทั้ง 6 สาขาวิชา ประเมินว่า ตนเองมีความพร้อมในระดับมากยกเว้น นักศึกษาสาขาวิชาเทคโนโลยีโลหการ มีความพร้อมในระดับปานกลาง 4. เมื่อเปรียบเทียบความพร้อมในการเรียนด้วยบทเรียนอีเลิร์นนิ่งของนักศึกษา ทั้ง 7 สาขาวิชา พบว่า นักศึกษาที่อยู่ต่างสาขาวิชามีความพร้อมแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05 5. จากการศึกษาความพร้อมในการเรียนด้วยบทเรียนอีเลิร์นนิ่ง จำ แนกตามชั้นปีนักศึกษาทุกชั้นปี ประเมินว่า มีความพร้อมทั้ง 6 ด้าน อยู่ในระดับมากโดยชั้นปีที่1 มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด (x̅ = 3.97) และน้อยที่สุด ได้แก่ชั้นปีที่3 (x̅ = 3.76) นอกจากนี้นักศึกษาทุกชั้นปียังเห็นสอดคลอ้งกันว่า นักศึกษามีความพร้อมด้านการ เข้าถึงเทคโนโลยีและด้านทักษะพื้นฐานการใช้เทคโนโลยีมากที่สุด ส่วนด้านทักษะการใช้งานสื่อ (เสียง) มี ความพร้อมน้อยที่สุด 6. เมื่อเปรียบเทียบความพร้อมในการเรียนด้วยบทเรียนอีเลิร์นนิ่งของนักศึกษาทั้ง 4 ชั้นปีพบว่า นักศึกษาชั้นปีที่1กับชั้นปีที่3และนักศึกษาชั้นปีที่1กับชั้นปีที่4 มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05 The purposes of this research on the readiness of Rajamangala University of Technology Krungthep Undergraduate Students in e-Learning Case study: Faculty of Technical Education were to study the students readiness in e-Learning and to compare the students readiness in faculty of technical Education.
The populations were 617 students who registered in semester 2 academic year 2009. The questionnaires were used too. There were 575 completely questionnaires form 617 questionnaires which was 93.19%
The data analyzes were used percentage average score, standard deviation. The F-test (ANOVA) and Scheffe’s used for analyze the multiple comparison.
The results were:
1. The most of students were 88.75% of male, 31.48% who study in the 1st year, 29.22% was industrial technology student, 30.26% of students spend average monthly expense 3,001 – 4,000 baht, and 58.96% used internet less than 5 hours/week.
2. The average students readiness was in high level (x ̅ = 3.86) while the instructor’s opinion was in moderate level (x ̅ = 3.13). All 6 aspects of student’s readiness was also in high level.
3. There are 7 divisions in Faculty of Technical Education. All students of 6 divisions were high level of readiness except student of metal technology division was in moderate level.
4. There was a statistical significance difference between students’ readiness among division in Faculty of Technical Education.
5. The most students’ readiness was the 1st year student (x ̅ = 3.97) and the least was 3rd year student. All students’ opinion revealed that most highly on accessibility and technology skill which opposite in aspect of sound skill was least. 6 There was a statistical significance difference between 1st year student and 3rd year student at ∝ = .05. And a statistical significance difference between 1st year student and 4th year student at ∝ = .05.