อว.เร่งเครื่องพลิกโฉมอุดมศึกษาชู 5 กลุ่ม "จุดเด่น-เป้าหมาย" ชัดเจน ตอบโจทย์ประเทศทุกมิติ -
Abstract
ทีมข่าวอุดมศึกษา
การพลิกโฉมมหาวิทยาลัยคือการพลิกโฉมประเทศ!
และเพื่อให้สถาบันอุดมศึกษามีศักยภาพในการตอบโจทย์และขับเคลื่อนประเทศได้อย่างแท้จริง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) จึงได้ออกประกาศกำหนดให้สถาบันอุดมศึกษาสังกัดกลุ่มสถาบันอุดมศึกษาประจำปีงบประมาณ 2565 จัดกลุ่มสถาบันอุดมศึกษาเพื่อส่งเสริม สนับสนุน ประเมินคุณภาพกำกับดูแล และจัดสรรงบประมาณให้แก่สถาบันอุดมศึกษา
การจัดกลุ่มมหาวิทยาลัยนี้เป็นไปตามจุดมุ่งเน้นตามที่มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งได้เลือกเองว่าจะอยู่ในกลุ่มใดเพื่อที่จะดำเนินงานขับเคลื่อนให้ตรงกับทิศทางการพัฒนาของแต่ละแห่ง โดย อว.จะช่วยสนับสนุนอย่างเต็มศักยภาพ
สำหรับการจัดกลุ่มแบ่งได้ 5 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มที่ 1 กลุ่มพัฒนาการวิจัยระดับแนวหน้าของโลก 16 แห่ง ได้แก่ 1.จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2.ม.ขอนแก่น 3.ม.เกษตรศาสตร์ 4.ม.เชียงใหม่ 5.ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 6.ม.เทคโนโลยีสุรนารี 7.ม.ธรรมศาสตร์ 8.ม.นเรศวร 9.ม.มหาสารคาม 10.ม.มหิดล 11.ม.แม่ฟ้าหลวง 12.ม.วลัยลักษณ์ 13.ม.ศิลปากร 14.ม.สงขลานครินทร์ 15.สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ 16.สถาบันบัณฑิตศึกษาจุฬาภรณ์
กลุ่มที่ 2 กลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีและส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม 18 แห่ง ได้แก่ 1.ม.ทักษิณ 2.ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ 3.ม.เทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) กรุงเทพ 4.มทร.ตะวันออก 5.มทร.ธัญบุรี 6.มทร. พระนคร 7.มทร.รัตนโกสินทร์ 8.มทร.ล้านนา 9.มทร.ศรีวิชัย 10.มทร.สุวรรณภูมิ 11.มทร.อีสาน 12.ม.นราธิวาสราชนครินทร์ 13.ม.บูรพา 14.ม.แม่โจ้ 15.มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) พิบูลสงคราม 16.ม.อุบลราชธานี 17.สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา 18.สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
กลุ่มที่ 3 กลุ่มพัฒนาชุมชนท้องถิ่นหรือชุมชนอื่น 41 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏ รวมทั้ง ม.กาฬสินธุ์ ม.นครพนม ม.พะเยา ม.สวนดุสิต ม.ศรีนครินทรวิโรฒ สถาบันวิทยาลัยชุมชน ม.วงษ์ชวลิตกุล
กลุ่มที่ 4 กลุ่มพัฒนาปัญญาและคุณธรรมด้วยหลักศาสนา ขณะนี้ไม่มีมหาวิทยาลัยสมัครมาอยู่
กลุ่มที่ 5 กลุ่มผลิตและพัฒนาบุคลากรวิชาชีพและสาขาจำเพาะ 7 แห่ง ได้แก่ 1.มรภ.นครปฐม 2.เพชรบุรี 3.ม.สวนสุนันทา 4.ม.รามคำแหง 5.สถาบันการพยาบาลศรีสวรินทิรา สภากาชาดไทย 6.สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน 7.สถาบันอาศรมศิลป์
ทั้งนี้ ยังมีมหาวิทยาลัยที่ยังไม่ได้เลือกว่าจะอยู่ในกลุ่มใดอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งจะดำเนินการต่อไป
โดยการจัดกลุ่มมหาวิทยาลัยถือเป็นครั้งแรกตามมาตรา 23 และ 24 ของ พ.ร.บ.การอุดมศึกษา พ.ศ.2562
"การจัดกลุ่มสถาบันอุดมศึกษาหรือมหาวิทยาลัยไม่ใช่เป็นเป้าหมายสุดท้ายของการพัฒนามหาวิทยาลัย แต่เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งในการยกระดับมหาวิทยาลัยให้สามารถใช้ศักยภาพและความเข้มแข็งเพื่อพัฒนาประเทศให้ตรงกับจุดเด่นของมหาวิทยาลัย แต่ละแห่งมหาวิทยาลัยสามารถมุ่งเน้นว่าจะเลือกเก่งมากในมิติใด ประเด็นใดเป็นหลัก และดำเนินการอย่างเต็มที่ในประเด็นนั้นๆ ซึ่งเมื่อแต่ละมหาวิทยาลัยดำเนินการได้อย่างเต็มที่แล้วมาประกอบกันเป็นภาพรวมของประเทศจะเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศ ดังนั้น การยกระดับด้วยการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย จึงเป็นกลไกสำคัญที่จะนำไปสู่การพลิกโฉมประเทศ สู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว ปัจจุบันประเทศไทยมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี กำลังจะมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 ซึ่งจะมุ่งเน้นการพัฒนาประเทศตามศักยภาพและทรัพยากรที่มีโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เศรษฐกิจ BCG ซึ่งครอบคลุมหลากหลายมิติ การที่มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งได้เลือกมาอยู่ในกลุ่มตามความถนัด จะสามารถตอบโจทย์มิติต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน "ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัด อว. กล่าวถึงเหตุผลการจัดกลุ่มมหาวิทยาลัยเพื่อที่จะยกระดับคุณภาพตามที่ถนัด
โดยมหาวิทยาลัยในกลุ่มพัฒนาการวิจัยระดับแนวหน้าของโลก จะมุ่งเน้นการพัฒนางานวิจัยที่ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติ มหาวิทยาลัยกลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีฯ มุ่งการพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรม มหาวิทยาลัยกลุ่มพัฒนาชุมชนท้องถิ่นฯ มุ่งเน้นการสร้างองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่เหมาะสมต่อการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากและสังคมของท้องถิ่นมหาวิทยาลัยกลุ่มพัฒนาปัญญาฯ จะใช้จุดเด่นของศาสนา มาพัฒนาองค์ความรู้และกำลังคน ส่วนมหาวิทยาลัยกลุ่มผลิตและพัฒนาบุคลากรวิชาชีพฯ มุ่งเน้นการสร้างกำลังคนตรงตามความต้องการของประเทศการจัดกลุ่มมหาวิทยาลัยจึงเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำงานมีบทบาทชัดเจนขึ้น ซึ่งจะตอบโจทย์การพัฒนาประเทศทุกมิติได้ลงตัว และเมื่อรวมกันเป็นภาพรวมของประเทศก็จะประกอบกันได้อย่างลงตัว" ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ระบุ
ขณะที่ ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัด อว.ระบุว่า การจัดกลุ่มมหาวิทยาลัยเป็นไปในลักษณะแบ่งกันทำงานในด้านที่ตนถนัด ไม่มาแข่งกันเองในทุกๆ ด้านอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันและจะไม่กระทบต่องบประมาณประจำที่มหาวิทยาลัยได้รับ ที่สำคัญการแบ่งกลุ่มมหาวิทยาลัยเป็นไปตามความเห็นชอบของสภามหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง อว.ไม่ได้เป็นผู้กำหนดโดยตรง นอกจากนี้ การเลือกเข้ากลุ่มเป็นความสมัครใจของมหาวิทยาลัย
"นี่เป็นการพลิกโฉมมหาวิทยาลัยจากเดิมที่แต่ละมหาลัยพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกัน และแข่งขันกันเอง จนบางครั้งลืมจุดเด่นของตัวเองไปหากสามารถพลิกโฉมมหาวิทยาลัยตามแนวทางนี้ได้ผลประโยชน์สุดท้ายจะตกอยู่กับประเทศชาติและจะกลับไปสู่มหาวิทยาลัย...การแบ่งกลุ่มนี้ไม่ใช่เป็นการแบ่งเกรดมหาวิทยาลัยถ้าเปรียบกับกีฬาไม่ใช่เป็นการแบ่งลีกฟุตบอลให้แข่งตามดิวิชันแต่เป็นการแบ่งตามประเภทกีฬาที่แต่ละคนแต่ละทีมถนัด เช่น ใครเก่งฟุตบอลก็ไปเล่นฟุตบอล ใครเก่งว่ายน้ำก็ไปเล่นว่ายน้ำ หากเก่งฟุตบอลแล้วไปว่ายน้ำก็ไม่มีโอกาสได้แชมป์เพราะไม่ถนัด "ศ.ดร.ศุภชัย กล่าว
"ทีมข่าวอุดมศึกษา" มองว่าการแบ่งกลุ่มมหาวิทยาลัยจะเป็นการตอบโจทย์ประเทศหรือการพลิกโฉมประเทศหรือไม่ ยังไม่มีใครรู้ได้
แต่อย่างน้อยก็ยังเห็นทิศทางและศักยภาพของแต่ละมหาวิทยาลัยที่ชัดเจนสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและโลก
ดีกว่าปล่อยให้ทุกมหาวิทยาลัยแข่งขันกันในทุกสาขาวิชาจนกลายเป็นความสูญเปล่าในที่สุด.
บรรยายใต้ภาพ
ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์
ศ.ดร.ศุภชัย